ล่าสุด

รีวิว Honda CBR150R หลังขับแบบยาวไกล

HondaCBR150R

Honda CBR150R ถือเป็นรถมอไซค์ยอดนิยมคันหนึ่งของไทย รูปทรงโดยทั่วไปเป็นรถทรงสปอร์ทที่มีเส้นสายคล้ายคลึงกับ CBR250 ถังน้ำมันรูปทรงสวยงามในทุกมุมมอง แผงต่างๆเล่นขอบอย่างสวยงามที่หากใครเห็นก็ต้องเหลียวมามอง การตอบรับน้องเล็กของตระกูล CBR ก็ถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว ด้วยราคาไม่ถึงแสนทำให้หลายๆคนไม่ลังเลที่จะรีบหามาครอง

เราได้ทดลองขับถึงกว่า 1500 กิโลเมตร เพื่อค้นหาความรู้สึกว่าหากได้ขับคันนี้นานๆ แล้วเป็นอย่างไร สำหรับแผงหน้าแล้วมีข้อติติงอยู่อย่างนึงก็คือสามารถวันระยะทางได้เพียงทริปเดียว ซึ่งด้วยราคานี้ก็น่าจะมีลูกเล่นอีกซักนิด ตำแหน่งการขับขี่นั้นรู้สึกปวดเมื่อยเล็กน้อยในสองสามวันแรก ไม่ใช่ว่าจะปวดหลังนะครับ แต่ปวดข้อมือมากกว่า แต่หลังจากขับไปหลายๆวันก็จะเริ่มปรับตัวได้และรู้สึกสบายขึ้น เราลองขับ CBR150R ไปทริปสุดสัปดาห์ด้วยระยะทางประมาณ 250 กม และ 500 กม ตามลำดับ ก็ถือว่าโอเค ไม่รู้สึกปวดเมื่อยแต่อย่างใด

เบาะนั่งสำหรับคนขับและคนโดยสารนับว่านั่งสบายเลยทีเดียว ความโค้งมนที่พอเหมาะ และขนาดที่เหมาะสมกับผู้ขับขี่ทุกประเภท แม้ลองขับบนถนนที่สภาพไม่ดีก็ยังรู้สึกนิ่มนวล การขับขี่นั้นเป็นไปอย่างคล่องแคล่ว ความสูงของท้องเครื่อง 190 ก็เป็นตัวช่วยไม่ให้ต้องพะวงกับหลุมบ่อมากนัก เสียงของนักบิดหลายๆคนบ่นถึงแรงบิดที่น้อยไปหน่อยของ CBR150R ทำให้การขับขี่ในเมืองที่เดี๋ยวเบรกเดี๋ยวเร่งนั้นไม่สุนทรีย์เท่าที่ควร แต่เมื่อขับไปนานๆเข้าก็จะคุ้นเคยกับมันดีขึ้น ทำให้ที่ความเร็วรอบต่ำกว่า 6000 rpm นั้นก็เพียงพอที่จะลื่นไหลไปกับการจราจรรอบข้างได้ การขับ CBR150R ในเมืองนั้นถือว่าเป็นเรื่องง่ายๆสำหรับการขับในเมือง ระยะฐานล้อที่สั้นทำให้การเลี้ยวหลบหาช่องเบียดแทรกเป็นไปได้อย่างไม่ยากเย็น การเลี้ยวก็ไม่ได้รู้สึกว่าหนักแต่อย่างใด และอีกอย่างคือยังไม่เคยเจอปัญหาเรื่องความร้อนแม้รถจะติดแหงกอยู่นานๆ และเมื่อพัดลมเริ่มทำงานเสียงพัดลมก็แทบไม่ได้ยิน

HondaCBR150R2

เครื่องยนต์ของ Honda CBR150R นั้นเป็นเครื่องขนาด 149.4 cc แบบ DOHC 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยของเหลว ให้กำลังสูงสุดที่ 17.6 แรงม้าที่ 10,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดที่ 12.66 นิวตันเมตรที่ 8500 รอบต่อนาที แต่ก็น่าแปลกที่รอบต่ำนั้นอยู่ทีประมาณ 1800 – 1900 รอบต่อนาที น่าจะเป็นเครื่องยนต์ที่น่าอัศจรรย์นี้มีคุณสมบัติเด่นตรงที่ความจุเพียง 150cc แต่ทำรอบได้ถึง 11,800 รอบต่อนาทีเลยทีเดียว ตัวเลขนี้อาจจะดูปกติสำหรับรถทั่วๆไป แต่ยังไงก็ไม่เหมือนเจ้า CBR150R แน่ เพราะหลักการของรถมอไซค์คันนี้เหมือนๆกับ VTEC ในรถยนต์ของฮอนด้า เพราะเมื่อเราบิดไปที่ความเร็วรอบที่เหมาะสมเครื่องยนต์ของมอเตอร์ไซค์คันนี้ก็จะให้แรงออกมาเต็มที่ ด้วยเพราะระบบการจ่ายเชื้อเพลิงและอากาศที่เหมาะสมทุกช่วงความเร็วทำให้รถมอเตอร์ไซค์คันนี้ต่างจากคันอื่นๆในระดับซีซีเดียวกัน

สำหรับเสียงเครื่องยนต์ของมอไซค์คันนี้จะยังเงียบๆอยู่ที่ความเร็วรอบต่ำกว่า 8000 รอบต่อนาที แต่เสียงจะเริ่มคำรามดังขึ้นหลังจากนั้นไปจนถึงขีดแดงเลยทีเดียว ความแรงหลัง 8000 รอบนั่นแหละที่ทำให้ไม่อยากหยุดซิ่งเมื่อเจอถนนโล่งๆ ระบบเกียร์ขนาด 6 เกียร์นั้นลื่นไหลไม่สะดุด การเข้าเกียร์นั้นทำได้แม่นยำแต่อัตราเร่งยังไม่ประทับใจมากนัก แต่เมื่อถึงจุดของมันละก็ไม่ต้องห่วงเลยทีเดียว เกียร์หนึ่งทำความเร็วได้สูงสุด 52 กม/ชม เกียร์สองที่ 78 กม/ชม เกียร์สาม 105 กม/ชม เกียร์สี่ที่ 122 km/hr เกียร์ห้าไหลไปสูงสุดถึงขีดแดงที่ความเร็ว 141 กม/ชม สำหรับประสิทธิภาพของระบบเบรกก็ทำงานได้ดีเทียบเท่ากับเครื่องยนต์เลยทีเดียว

การตอบสนองของมอเตอร์ไซค์ Honda CBR150R นั้นเหลือหลาย การตอบสนองต่อการเลี้ยวนั้นเป็นไปตามสั่ง การเลี้ยวทำได้เฉียบคมแต่ยังขาดความกระชับไปเล็กน้อย ระยะระหว่างล้อเพียง 1305 มม พร้อมกับระบบกันสะเทือนที่ปรับแต่งมาดีและตัวถึงที่เหมาะสมทำให้การเลี้ยวของมอไซค์ CBR150R นั้นแทบไม่มีที่ติ คุณสามารถเข้าโค้งที่ความเร็วสูงได้ และบิดคันเร่งออกจากโค้งได้ดั่งใจโดยไม่ต้องห่วงเรื่องล้อหลังจะปัด และด้วยแรงปลายที่โดดเด่นทำให้การขับขี่ CBR คันนี้นั้นเป็นไปอย่างเร้าใจ

HondaCBR150R3

ที่ความเร็วรอบสูงๆ นอกจากการสั่นเพียงเล็กน้อยของกระจกหลังและบังลมหน้าแล้วก็แทบจะไม่มีส่วนใดสั่นไหวจนถึงขั้นสังเกตเห็นได้แม้จะขับถึงขีดแดงก็ตาม การคัทเอ้าท์เมื่อถึงขีดแดงก็นุ่มนวลไม่สะดุด เราสามารถเร่งเครื่องและค้างไว้ที่ขีดแดงได้นานตามที่เราต้องการ ไฟถอยหลังจะกระพริบเมื่อน้ำมันเหลือประมาณ 2 ลิตรในถัง ยางที่มากับรถนั้นอาจจะไม่สร้างความมั่นใจในการขับขี่มากนัก เราขอแนะนำให้ลองหายางที่เหมาะสมใส่แทน สำหรับลมปะทะที่ความเร็วปานกลางถึงสูงนั้นก็มากเอาการอยู่แม้จะสวมหมวกกันน้อคแล้วก็อาจจะยังรู้สึกรำคาญอยู่เหมือนกัน หลังจากเข้าศูนย์บริการอัตราประหยัดน้ำมันนั้นลดลงไปประมาณ 3 ถึง 4 กมต่อลิตร อาจจะเพราะวาล์วได้ถูกทำความสะอาด ตัวเลข กมต่อลิตรจะกลับมาสู่ที่เดิมเมื่อขับไปได้ซัก 400 กม กว่าๆ

สำหรับบริเวณหน้าปัทว์ดูเหมือนจะรกไปด้วยสายควบคุม ไม่ดูเรียบร้อยเหมือนอย่าง CBR250R ฝาถังเมื่อดึงปั้บก็ติดมือมาเลย ไม่น่าเชื่อว่าระบบฝาแบบเฟลบจะไม่มีในรุ่นนี้ ก้านวัดน้ำมันเครื่องเป็นสีดำ คุณวัดระดับน้ำมันเครื่องได้แต่จะดูคุณภาพของน้ำมันเครื่องไม่ได้ โชคหลังนั้นประระดับไม่ได้ แม้การลองขับในสภาพอากาศที่แตกต่างกันรวมไปถึงถนนลูกรังก็ยังไม่ได้ยินเสียงโซ่รถแม้แต่นิด และไม่ต้องถึงขั้นต้องหยอดน้ำมันหล่อลื่นให้กับโซ่หลังแต่อย่างใด ไฟหน้าทำงานได้ดี ส่องสว่างไปยังตำแหน่งที่ต้องการอย่างเหมาะสม กระจกหลังก็มีความกว้างพอเหมาะที่จะมองเหตุการณ์ด้านหลังได้เป็นอย่างดี

ถึงตรงนี้ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่ารถมอเตอร์ไซค์ฮอนด้า CBR150R นั้นนับเป็นรถสปอร์ทที่ขับขี่สบายทั้งคนขับและผู้โดยสาร ประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยม เครื่องยนต์ตอบสนองได้อย่างเร้าใจ นับว่าฮอนด้าตอบสนองนักบิดมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ได้ดีเลยทีเดียว อย่าลืมถ้ามีโอกาสก็ลองขับดูกันนะครับ

ads2

Advertisment

49,513 views