ล่าสุด

Ducati Multistrada 1200 ทดสอบบนสนามแข่ง

Ducati-Multistrada-1200-on-track
ภาพประกอบจาก motorcyclistonline.com โดย Zack Courts

เมื่อลองเอา Ducati Multistrada 1200 ไปวิ่งทดสอบบนสนามแข่ง

แน่นอนครับว่าผมชอบเจ้า Multistrada คันนี้มาก แต่การนำเอามอเตอร์ไซค์สุดรักคันนี้มาวิ่งทดสอบบนสนามแข่งก็เป็นอีกเรื่องนึงที่ผมประทับใจจนอยากจะนำมาเล่าให้ฟัง

เริ่มต้นผมก็เอารถมอเตอร์ไซค์คันโปรดมาถอดชิ้นส่วนที่ไม่จำเป็นสำหรับสนามแข่งออก เอาเทปมาปิดไฟหน้าป้องกันความเสียหาย ซึ่งก็ทำให้มอเตอร์ไซค์คันนี้ดูสวยไปอีกแบบ มาดูในรายละเอียดนะครับว่าผมได้ถอดอะไรออกไปบ้างที่ทำให้มอเตอร์ไซค์ Ducati แนวแอดเวนเจอร์คันนี้พร้อมที่จะลงทดสอบในสนามแข่ง

อย่างแรกก็เป็นบังลมหน้าหละครับที่เอาออก แต่ก็ไม่ใช่อันเดิมที่มาพร้อมกับรถแต่เป็นอันใหม่ที่ผมได้มากาก California Scientific ซึ่งเหมาะที่จะใช้ในสภาพที่อากาศโดยรอบนั้นอุ่นกว่าปกติ อย่างต่อไปที่ถูกออกก็เป็นที่พักเท้าผู้โดยสาร และตามมาด้วยกระจกมองหลัง ไฟท้าย กรอบทะเบียน และแสตนด์กลาง ชิ้นส่วนที่ควรเอาออกแต่เร่ิมมีความยากในการถอดมากขึ้นก็ กรอบแฮนด์ที่มีไฟกระพริบ LED ในตัว ที่มันยากก็เพราะเจ้า Handguard อันนี้มีหน้าที่เป็นกรอบสำหรับกระบอกเก็บน้ำมันเบรกและน้ำมันคลัชในตัว ดังนั้นการเอาออกกระบังมือนี้หมายถึงกระบอกใส่ของเหลวเหล่านี้ต้องห้อยต่องแต่งอยู่กับแฮนด์ ดังนั้นเราเลยต้องหาอุปกรณ์มายึดเจ้ากระบอกน้ำมันเหล่านี้ไว้กับแฮนด์เพื่อแก้ปัญหานี้

หลังจากถอดทั้งส่วนที่ง่ายและยากออกไปหมดแล้ว เอาไปชั่งน้ำหนักดูก็พบว่าลดน้ำหนักไปได้เดียง 15 ปอนด์เท่านั้น แถมยังเสี่ยงเรื่องความเสียหายที่จะเกิดหากมีการลื่นล้มอีก ส่วนสุดท้ายที่เราต้องเปลี่ยนก็เป็นยางรถ เราก็ใช้ Dunlop Q3 เพื่อการยึดเกาะถนนที่ดีและไม่ต้องอุ่นยางระหว่างรถหยุดวิ่งอีกด้วย

ผมก็ไปลองกับสนาม Auto Club Speedway ใน Fontana รัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นสนามสำหรับมอเตอร์ไซค์ซึ่งมีโค้งให้เล่นมากมาย และเป็นสนามที่เชื่อมเข้ากับสนามแข่งรูปใข่ของรถ NASCAR อีกด้วย

เริ่มออกตัวเจ้า Multistrada ก็ทะยานทันที แม้จะยังต้องปรับแต่งเครื่องอีกเล็กน้อยก็ตาม แฮนด์ที่สูงและยาวนั้นให้ความรู้สึกในการตอบสนองที่ดี แต่รู้สึกแปลกๆไปหน่อยที่ต้องขับด้วยความเร็วสูง เบาะนั่งก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนจะไม่ค่อยรองรับการขยับตัวไปมาเหมือนกับที่ผมคุ้นชินกับในคันอื่นๆในสนามแข่ง แต่ก็ถือว่ามีพื้นที่เพียงพอสำหรับการขับขี่แบบปกติธรรมดา และอีกอย่างก็คือเจ้า Multistrada นั้นหนักไปทางท้ายรถมากเมื่อเทียบกับมอไซค์แบบ Sport ทั่วไป ทำให้การเบรกนั้นเป็นไปในทางหน่วงหรือตอบสนองช้า ความสามารถในการเบรกช้าแบบนี้ผมก็ไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์ในการทดสอบมากนัก ด้วยเหตุผลสองสามประการคือ ผมอยากจะสนุกกับมันในการขับ Multistrada คันนี้แล้วจะดูว่าเมื่อขับบนสนามแข่งแล้วจะเป็นอย่างไร ไม่ได้ต้องการจะสร้างความฮือฮาว่า มอเตอร์ไซค์คันนี้วิ่งได้เร็วสุดๆแค่ไหน

และอีกอย่างผมถูกเบี่ยงเบนจากการที่สนุกสนานไปกับการขับขี่ออกโค้งอย่างเมามันส์ ทั้งระบบ Traction Control ของ Ducati และการขับขี่ของผมเองนั้นช่วยในการรีดพลังออกมาอย่างเต็มที่ให้ได้ตามที่ Ducati บอกว่ามีถึง 150 ม้าด้วยกันโดยยังปลอดภัยอยู่กับยางหลังที่ใส่มา การปรับแต่งค่าของ Ducati Traction Control (DTC) นั้นทำได้ทั้งหมด 8 ค่าด้วยกัน ผมเริ่มต้นที่ระดับที่ 1 ด้วยเพราะผมยังไม่เชื่อมั่นตัวเองมากพอในการจัดการเรื่องล้อหมุนฟรีกับมอเตอร์ไซค์คันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบางช่วงของสนามที่ต้องวิ่งด้วยเกียร์สามและเป็นช่วงที่เปิดกว่้าง

ตั้งค่า DTC ไว้ที่ระดับ 1 เหมือนจะจับการไถลของของหน้ายางในส่วนที่กว้างสุดได้ดี แต่การยึดเกาะด้วยขอบยางนั้นเป็นฝีมือผมล้วนๆ ในบางช่วงผมก็โยกตัวออกจากเบาะไปยังฝั่งบนเพื่อที่จะบดพลังเครื่องยนต์ไปบนขอบยาง หลังจากวิ่งไปหลายๆรอบจนยางหลังเริ่มเข้าที่ผมก็สามารถจัดการเรื่องรถไถลได้ดีขึ้น หลังจากจุดนั้นผมก็ถือโอกาสสไลด็ไปทุกโค้งเท่าที่โอกาสอำนวย โดยเฉพาะออกจากโค้งด้วยเกียร์สองนั้นมันส์สุดๆ

การเข้าโค้งที่ความเร็ว 160 กม/ชม นั้นทำได้สบายๆ เจ้า Multistrada คันนี้เข้าโค้งได้อย่างมั่นคง ด้วยแฮนด์ที่กว้างทำให้โยกโค้งซ้ายโค้งขวานั้นเป็นไปอย่างไม่ติดขัด

และที่ถือเป็นโบนัสก็คือการที่ผมได้ใช้ระบบการปรับแต่งค่ากันสะเทือนแบบอิเลคทรอนิคส์ และปรับค่า preload ให้กับโช้คเพิ่มขึ้นเมื่อเริ่มมั่นใจในการขับขี่มากขึ้น เนื่องจากมอเตอร์ไซค์ Multistrada คันนี้มีระบบการปรับแต่งค่าที่สะดวกสบายผ่านระบบเมนู ในสนามแข่งระหว่างการขับแต่ละรอบผมก็ลองปรับค่าเป็นแบบ sport เลือกแบบขับคนเดียวและปรับค่าพรีโหลดของโชคจากระดับ 8 ไป 12 ผลที่ได้ก็เหมาะเจาะพอดี กันสะเทือนหลังจะออกแนวแข็งขึ้นเล็กน้อย ก็ได้ผลการขับขี่ที่สนุกดี

ทั้งหมดแล้วผมลองขับไปรวมระยะทางได้ถึง 160 กิโลเมตรเลยทีเดียว และผมก็คิดว่าผมได้สิ่งที่ Ducati Multistrada คันนี้มอบมาให้ ว่ากันตามจริงแล้วผมทำเวลาในหนึ่งรอบนั้นช้ากว่าเจ้า GSXR750 ที่ผมเคยลองมาวิ่งทดสอบที่นี่เมื่อสองปีที่แล้ว อยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แถมผมยังแซง Panigale ไปคันนึงระหว่างที่วิ่งทดสอบด้วยกัน เราคงทราบกันดีว่า Multistrada นั้นทำเวลาได้ดีกว่ารถแนว sport ทั่วไปหากวิ่งไปตามทางที่คดเคี้ยว ด้วยเพราะตำแหน่งการขับขี่ที่เหมาะกว่าและแรงบิดที่พอเหมาะ และอย่าลืมว่า Multistrada นั้นยังเป็นมอเตอร์ไซค์ที่เหมาะสำหรับการขับระยะไกล พร้อมกล่องสัมภาระ มือจับอุ่นไฟฟ้า และบังลมหน้าชั้นเยี่ยม

ดังนั้นถ้าหากคุณมีความมั่นใจในการขับขี่สูงบวกกับทักษะในการขับขี่ที่ดีเยี่ยม แถมยังวิ่งได้เร็วกว่า Panigale บนสนามแข่งแล้วละก็ คุณยังจะไปชอบสปอร์ทไบค์อยู่อีกหรือ ตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่ว่าถ้าได้ลองเอา Multistrada คันนี้ไปลองลุยแบบวิบากดู ถึงตอนนั้นผมอาจจะลืมไปว่า BMW GS เขาครองตลาดนี้อยู่ก็เป็นได้

ถ้าผมไปลองมาแล้วได้ผลเป็นไงจะรีบนำมาบอกกล่าวกันนะครับ

เรียบเรียงจาก blogs.motorcyclistonline.com

ads2

Advertisment

7,275 views