2014 Honda Fireblade SP รีวิวการขับขี่มอเตอร์ไซค์
2014 Honda Fireblade SP รีวิวการขับขี่มอเตอร์ไซค์
มอเตอร์ไซค์รุ่น CBR1000RR-SP ถือเป็นคันพิเศษสำหรับประวัติอันยาวนานของ Fireblade เราเลยได้มีโอกาสทดสอบการขับขี่ที่เมือง Qatar
มอเตอร์ไซค์ Fireblade ของฮอนด้านี้คงไม่ต้องบอกกล่าวอะไรกันมาก แต่ไหนๆก็ขอพูดถึงซะหน่อยก็แล้วกัน ในประวัติศาสตร์อันยาวนานของมอเตอร์ไซค์คันนี้ที่มีมากว่า 21 ปี แม้ว่าสไตล์ของรถ ความจุกระบอกสูบ และประสิทธิภาพของมอเตอร์ไซค์จะเปลี่ยนไปบ้างเพราะต้องแข่งขันกันในตลาด แต่ชื่อเสียงและการเน้นไปสู่เป้าหมายที่ให้ผู้ขับขี่ได้ควบคุมรถอย่างได้อย่างมั่นใจนั้นยังคงอยู่มาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
มันเป็นมอเตอร์ไซค์ที่นิยามคำว่า superbike อีกคันหนึ่ง และแม้ว่าคำนี้จะมีการใช้อยู่บ่อยๆก็ตาม แต่มอเตอร์ไซค์ Fireblade นั้นถือว่าเป็นตำนานของคำว่ามอเตอร์ไซค์ก็ว่าได้ ตั้งแต่ปี 1992 เป็นต้นมา มอเตอร์ไซค์แบบ superbike ขนาด 750cc ขึ้นไปที่ขายออกไปนั้น 1 ใน 3 คือมอเตอร์ไซค์ Fireblade
มอเตอร์ไซค์ 2014 CBR1000RR Fireblade SP นั้นเป็นมอเตอร์ไซค์ Fireblade คันแรกของ Honda ที่เน้นสำหรับการวิ่งในสนามแข่งในระยะเวลา 21 ปีที่ผ่านมา คุณอาจจะแย้งว่า TT100 Evolution Fireblade อาจจะเป็นคันแรกที่พุ่งเป้าไปสำหรับสนามแข่ง แต่แม้ว่ามันจะถูกทดสอบโดย Honda แต่ก็ไม่ได้ออกมาจากโรงงานของ Honda เอง
สำหรับรูปโฉมภายนอกแล้ว 2014 Fireblade SP นั้นจะดูหน้าตาเหมือนๆ กับ Fireblade ทั่วไปซึ่งจะมีส่วนประกอบโดดเด่นไม่กี่อย่างเพิ่มเติมเข้ามา แต่ผมไม่ได้หมายความว่าจะเป็นมอเตอร์ไซค์ทั่วๆไปที่พอขึ้นปีใหม่ก็แค่เพิ่มโน่นนิดนี่หน่อยแล้วจะได้รุ่นใหม่ออกมา แต่จะพบว่าความปราณีตและความพยายามต่างๆในการสร้างมอเตอร์ไซค์คันนี้อาจจะไม่ได้มีการระบุอะไรมากมายในโบร์ชัวร์ที่คุณเห็น แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณได้กดปุ่มสตาร์ทเครื่องนั่นแหละคุณก็จะพบว่ามันมีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดกว่าที่จะเป็น Fireblade คันหนึ่งที่มีอุปกรณ์ต่างๆเพิ่มเติมมาแล้วบอกว่าเป็นรุ่น 2014
อุปกรณ์เสริมแต่งความเป็น 2014 Fireblade SP ก็มี กันสะเทือนหน้าและหลังของ Ohlins คาลิบเปอร์เบรกหน้าเป็น Brembo ยางรถก็เป็น Pirelli Supercorsa SP เฟรมที่น้ำหนักเบากว่าเดิม เบาะนั่งที่กระชับและเกาะยึดได้ดีกว่าเดิม และระบบ Combined ABS ที่มาพร้อมการตั้งค่าที่เป็นการเฉพาะสำหรับรุ่น SP
ถือว่าโดยรวมแล้วก็ถือว่าไม่เลวนัก แต่สิ่งที่เราเห็นว่าโดดเด่นก็คงเป็นกันสะเทือน Ohlins ที่แม้มันจะตีตราว่าเป็น NIX30 และ TTX36 ที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามท้องตลาด แต่กลับได้รับการปรับแต่งและเป็นแบบเฉพาะสำหรับมอเตอร์ไซค์ Fireblade รุ่น SP เท่านั้น
โดยตะเกียบหน้า NIX30 นั้นจะมีท่อด้านนอกที่มีขนาดใหญ๋กว่ารุ่นมาตรฐานอยู่ 1 มม เพื่อที่จะให้มอเตอร์ไซค์ SP คันนี้มีสามารถทรงตัวได้ดีขึ้นภายใต้ภาวะการเบรก แกนชาฟท์ด้านหน้านั้นเบากว่าเดิมและแกนการเลี้ยวนั้นทำจากเหล็กแทนที่จะเป็นอลูมิเนียมเนื่องจากทางทีมพัฒนามองว่ามันจะสามารถตอบสนองได้ดีกว่า ส่วนบนสุดของ yoke ก็ได้รับการปรับแต่งเช่นกันเพื่อให้ความบึกบึนมากขึ้น น้อตที่ใช้ในบริเวณเหล่านี้ก็จะมีน้ำหนักเบากว่าเดิม ส่วนด้านหลัง TTX36 กันสะเทือนหลังนั้นได้รับการปรับแต่งเช่นกัน โดยตัวปรับค่า Preload ได้ถูกย้ายตำแหน่งเพื่อให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น แท่งเชื่อมต่อก็ได้รับการขยายความยาวและจุดหมุนของสวิงอาร์มก็ได้รับการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน ทำให้ด้านหลังมีความคล่องตัวมากขึ้นด้วยเป้าหมายให้ผู้ขับขี่สามารถรับรู้ได้มากขึ้น
ที่กล่าวคุณก็คงจะเห็นด้วยกับผมนะครับว่าไม่ใช่แค่เพิ่มเติมอะไรมานิดหน่อยเท่านั้น
ในส่วนของล้อก็ยังเหมือนกับรุ่นมาตรฐานของ 2014 Fireblade แต่เบรกหน้าแบบโมโนบล้อค Brembo M4 นั้นต่างกัน การใส่ใจในรายละเอียดของ Honda ครั้งนี้นั้นทำให้คาลิบเปอร์ของ Brembo สำหรับรุ่น SP นั้นถูกพัฒนามาเป็นการเฉพาะ โดยแทนที่จะมีลูกสูบแบบสองสูบที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดเท่ากันในแต่ละคาลิบเปอร์ แต่คาลิบเปอร์ของรุ่น SP นี้จะมีขนาดลูกสูบ 30 มม และ 32 มม ด้วยกัน เพราะทางทีมทดสอบมองว่าแบบนี้จะสามารถทำงานได้ดีที่สุด คุณคิดว่าเราจะสามารถสังเกตุเห็นความแตกต่างได้หรือไม่ สำหรับผมแล้วคงไม่กล้าพูด แต่มองว่าการเล่นรายละเอียดขนาดนี้บ่งบอกว่า Fireblade SP นั้นพิเศษอย่างไร
Fireblade รุ่น SP ไม่ใช่แค่เปลี่ยนแปลงเรื่องระบบกันสะเทือนหรือแชซซีเท่านั้น เครื่องยนต์ก็มีการปรับแต่งด้วยเช่นกัน ในส่วนที่เป็นข่าวอาจจะบอกว่าทาง Honda ได้เลือกลูกสูบและก้านสูบที่มีน้ำหนักใกล้เคียงกับที่ออกแบบมา เพื่อประสิทธิภาพที่ดีกว่า โดยเฉพาะที่รอบสูง แต่นอกจากนี้ยังมีส่วนอื่นๆที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย โดยลูกสูบจะมีน้ำหนัก + 1 กรัมจากค่า 177 กรัมที่ได้รับการออกแบบมา ซึ่งต่างจากค่า + 3 กรัมของรุ่นธรรมดา และในมอเตอร์ไซค์แต่ละคันลูกสูบทั้งสี่จะถูกเลือกมาโดยให้มีน้ำหนักใกล้เคียงกันมากที่สุด
ทั้งรุ่นธรรมดาและ SP ต่างก็จะมีหัวสูบที่ได้รับการปรับปรุงมาใหม่ โดยช่องไอดีและไอเสียได้รับการปรับเปลี่ยนรูปร่างและการขัดผิวเพื่อทำให้การไหลเวียนที่ดี ช่องขาเข้าตอนนี้ก็ลอกแบบมาจากมอเตอร์ไซค์ Fireblade รุ่นที่ลงแขงใน WSB ผนังสูบก็ได้รับการเคลือบไว้ด้วย นิเกิล ซิลิกอน คาร์ไบด์ เพื่อจะลดแรงเสียดทานและเพิ่มความทนทาน ขณะที่ขนาดท่อไอเสียก็ลดลง 3 มม และได้มีการเพิ่มท่อเชื่อต่อระหว่างสูบที่สามและสูบที่สี่เพื่อเพิ่มแรงบิด
ทาง Honda แจ้งว่าผลของการเปลี่ยนแปลงก็คือการไหลที่ดีขึ้น 6.5% ทำให้มอเตอร์ไซค์คันนี้ได้แรงม้าเพิ่มขึ้น (178 bhp ที่ 12,250 รอบต่อนาที) และแรงบิดที่เพิ่มขึ้นด้วย (85 ปอนด์ฟุต ที่ 10,500 รอบต่อนาที) ทั้งนี้กราฟของแรงบิดและกำลังเครื่องยนต์จะดูคล้ายกับรุ่นก่อนหน้า แม้ว่ารุ่นก่อนหน้าจะให้แรงบิดสูงสุดที่รอบต่ำกว่าก็ตาม
มอเตอร์ไซค์รุ่น SP จะมาพร้อมยาง Pirelli Supercorsa SP เป็นยางมาตรฐาน ซับเฟรมด้านหลังมีการทำให้น้ำหนักเบาลงเนื่องจากไม่ได้ออกแบบมาให้รองรับผู้โดยสาร และเบาะนั่งได้มีการปรับปรุงให้กระชับและยึดเกาะได้ดีขึ้น
ที่น่าแปลกใจคือทาง Honda ไม่ได้ระบุเลยถึงระบบสลิปเปอร์คลัชที่ดิดมากับรถ สำหรับการขับขี่ในสนามแข่งแล้วระบบนี้ทำให้ขับได้ง่ายขึ้นมาก ทำให้ทำรอบได้เร็วขึ้น นิ่มนวลและปลอดภัยกว่า อีกอย่างที่ไม่ได้พูดถึงกันก็คือท่านั่งขับ แฮนด์นั้นกว้างกว่าเดิม 34 มม ห่างออกไปจากคนขับ 5 องศา และที่วางเท้านั้นถอยไปด้านหลังอีก 10 มม พร้อมบังลมหน้าที่จะช่วยตีลมไม่ให้ปะทะกับคนขับมากนัก
เราได้ลองขับอยู่สองช่วงกับยาง Pirelli Supercorsa SP ที่มาเป็นอุปกรณ์มาตราฐาน และอีกสองช่วงกับยางที่เหนียวกว่าอย่าง Supercorsa SC2 มอเตอร์ไซค์ได้มีการตั้งค่าสำหรับการขับในสนามแข่งตามค่าที่เราเห็นในคู่มือ เท่าที่ดูก็รู้สึกแน่นดีทั้งหน้าและหลัง
สนามทดสอบ Losial นั้นกว้าง ราบ และไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น แต่วิ่งได้ดูเหมือนจะเร็ว หลายๆโค้งจะดูเหมือนๆกัน และด้วยแรงม้าขนาด 170 แรงม้าให้เราเล่น กลายเป็นว่าเราเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงๆ เอาง่ายๆ แทนที่จะห่วงในเรื่องความปลอดภัยซะนี่
หลังจากลองวิ่งไปสองสามารอบ ผมก็ลองซิ่งท้าทายความเร็วดู ผมก็พบว่าวิ่งเร็วกว่า 270 กม/ชม ก่อนที่จะแตะเบรกเข้าโค้งแรก พลังเบรกที่มาพร้อมกับ Brembo M4 นั้นเหลือเฟือจริงๆ พาผมลงมาที่ความเร็ว 100 กม/ชม ได้อย่างรวดเร็วยังเหลือระยะทางอีกซัก 10 เมตรจากที่ผมคาดว่ามันจะชลอลงได้ ทำให้ผมมั่นใจว่าผมจะเบรกช้าลงอีกซักสองสามเมตรสำหรับรอบหน้าและจะลากเบรกให้เข้าใกล้จุดเลี้ยวให้มากที่สุด รอบต่อมาผมเบรกช้าลงกว่าเดิม ซัก 3 เมตรเห็นจะได้ ตอนที่ผมแตะเบรกก็คิดในใจว่า คงทำไม่ได้แน่ๆ แต่ผมก็ยังเหยียบเบรกค้างไว้อย่างแรง ปลดปล่อยความแรงส่วนเกินออกไป และได้ความเร็วใกล้จุดเลี้ยวมากที่สุด ซึ่งทำได้ดีกว่าที่ผมคิด
ความรู้สึกต่อมอเตอร์ไซค์ 2014 Fireblade SP นั้นดูมั่นคงดีท่ามกลางการเบรก รู้สึกตื่นเต้นเพียงไม่กี่ครั้งตอนที่ผมลองเบรกช้ากว่าเดิมเข้าไปอีกรถเริ่มไถลตอนเข้าโค้ง แทนที่เบรกจะยังจับแน่น ระบบ C-ABS ก็จะเริ่มทำงานตามหน้าที่ ผมก็พ้นโค้งออกมาขับตะบึงตัวตรงได้อีกรอบ
ระบบเบรกแบบ Brake-by-Wire ที่ตั้งค่าไว้กับ Fireblade นั้นต้องใช้เวลาซักระยะนึงเพื่อให้คุ้นชิน คุณเองจะไม่ได้เชื่อมโยงกับระบบเบรกเหมือนการตั้งค่าทั่วๆไป กลายเป็นว่าแรงเบรกของคุณบนแป้นเบรกจะถูกส่งไปยัง ECU ซึ่งจะเป็นตัวควบคุมการทำงานของเซอร์โวอีกทอดหนึ่ง แม้ระบบเบรกจะดีมากๆ และผมได้ทบทวนความคิดเห็นมาอย่างหนักแล้ว ผมก็ยังไม่คิดว่าระบบเบรกจะให้ความรู้สึกได้ดีเหมือนการตั้งค่าแบบ มาตรฐาน ซักเท่าไหร่
แล้วมันจะหมายถึงว่าผมเบรกได้ดีกว่าระบบ C-ABS หรือเปล่า ก็ต้องขอตอบว่าไม่ อย่างไรก็ตามผมคิดว่าระบบ C-ABS นี้ต้องการให้คุณจัดการปรับสมองของคุณใหม่อีกเล็กน้อยเพื่อที่จะได้คุ้นชินกับมัน การใช้งานเบรกหน้าจะเป็นการใช้งานเบรกหลังไปด้วยเสมอ อย่างไรก็ตามคุณจะสามารถแตะเบรกหลังได้เล็กน้อยโดยไม่ต้องให้เบรกหน้าทำงาน
เรื่องแบบนี้อาจจะซับซ้อนสำหรับทุกคนที่จะประมวลผลสมองได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่คุณกำลังเข้าโค้งหัวเข่าแตะพื้นอยู่ที่ความเร็ว 160 กม/ชม และมีระยะทาง 100 เมตร จากโค้งสู่โค้ง สิ่งที่คุณพยายามทำและสิ่งที่ระบบทำจริงๆนั้นจะต่างกันเล็กน้อย และนี่แหละที่เป็นผลให้สมองผมคิดว่า ผมทำอะไรลงไปบางอย่างแล้ว แต่ผลที่ได้กลับมาเหมือนว่าผมยังไม่ได้ทำอะไร
คุณอาจจะสงสัยว่าเมื่อไหร่ Fireblade จะมีระบบ Traction Control ผมก็สงสัยเหมือนกัน แม้ว่ามันไม่จำเป็นต้องมี แต่คิดว่าถ้ามีก็น่าจะเป็นสิ่งดี ความรู้สึกที่ได้จากตัวถังนั้นดี และให้ความมั่นใจได้อย่างเต็มที่ ผมรู้สึกอยู่เสมอว่าผมอยู่ตรงภาวะไหนที่จะไม่ให้มันล้ม แต่หากมันล้มผมก็คงคิดว่าน่าจะมีระบบอิิิเลคทรอนิคส์มาช่วยป้องกันไม่ให้แรงม้าขนาด 170 แรงม้ามาตะบึงอยู่ที่ล้อหลังผิดที่ผิดเวลา
ผมเดาว่าการที่ไม่มีระบบ TC นั้นอาจจะเพราะ Honda บอกไว้ว่าอยากให้คนขับควบคุมมันได้อย่างเต็มที่ แต่มันก็เหมาะซะทีเดียวกับระบบเบรก Brake-by-Wire ที่เอาคอมพิวเตอร์มาช่วยคิดเมื่อคุณต้องตัดสินใจเฉียบพลัน พูดจริงๆแล้ว ผมไม่เคยสูญเสียการควบคุมเบรกหน้าเลย แต่เบรกหลังผมเสียการควบคุมไปหลายครั้งหลายคราด้วยกัน
ตอนเปิดตัว Leon Haslam พูดว่าคุณแค่เลือกว่าจะเพิ่มการมุมเอียงหรือเพิ่มพลังเครื่องยนต์ แต่ไม่ควรเพิ่มทั้งสองอย่างพร้อมกัน เขาพูดถูกแต่ในเมื่อคุณไม่ได้มีพรสวรรค์แบบเขา ด้วยพลังขนาด 170 แรงม้าในมือ คุณจะมีโอกาศเพิ่มทั้งสองอย่างได้โดยง่ายและอาจจะไม่โชคดีเสมอไป
แม้ว่ายางรถจะดี แต่เมื่อเราทำความเร็ว ผมก็ไม่ถึงกับมั่นใจ 100% กับการเข้าโค้งที่ความเร็วสูงตอนเลี้ยวขวา ผมเคยเจอจุดที่ว่าบางครั้งล้อหน้าให้ความรู้สึกเหมือนมันจะวิ่งวงกว้างกว่าที่ผมต้องการให้มันเป็น และในเวลาเดียวกันที่ผมไม่ได้รู้สึกว่าจะเอียงตัวได้มากกว่านี้แล้ว สนาม Losail นั่นทำให้ดูเหมือนไม่ได้วิ่งเร็วเพราะสนามนั้นราบและไม่มีจุดสังเกตุมากนัก ผมเคยขับมอเตอร์ไซค์ด้วยยาง Supercorsa SP บนโค้งที่แคบและคดเคี้ยวกว่านี้ที่สนาม Cartegena และให้ความมั่นใจเกินร้อย สนาม Cartagena นั้นโค้งหักศอกกว่าและคดเคี้ยวกว่าแต่วิ่งได้ไม่เร็ว แต่สนามที่เราวิ่งกันวันนี้ก็มีโค้งโหดๆที่วิ่งกันได้เร็วมาก แทบจะเอียงตัวนอนไปกับถนน แม้ยางสำหรับสนามแข่งก็ยังมีข้อจำกัด
โดยรวมแล้วถือว่าเป็นมอเตอร์ไซค์ Fireblade ที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยขับมา และคุณต้องมาพร้อมเหตุผลที่ดีพอที่จะบอกผมว่ามอเตอร์ไซค์คันนี้ไม่ดีอย่างไร แม้คุณจะขับมอเตอร์ไซค์คันนี้ไปออกทัวร์หรือขับไปทำงานทุกวัน เราก็รู้ดีว่ามันถูกออกแบบมาให้วิ่งเร็วที่สุดในสนาม และนั่นคือสิ่งที่ Fireblade SP ทำได้ดีที่สุด
ราคาในอังกฤษอยู่ที่ £14,999 ปอนด์ หรือราวๆ 750,000 บาท แม้จะมีคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้ออยู่ในตลาดที่ก็ยังมีแฟนๆที่คลั่งใคล้มันอยู่มาก ตลอดเวลา 21 ปีทีผ่านมายอดขายก็เกือบจะสูงสุดอยู่ตลอด ถ้าคุณยังไม่นับตัวเองว่าเป็นนักบิด superbike หรือ นักบิด Fireblase แล้วละก็ มอเตอร์ไซค์คันนี้ก็ถือเป็นคันที่สุดยอดที่คุณไม่ควรพลาดละครับ
เรียบเรียงจาก Visordown.com
ads2