ล่าสุด

รีวิวมอไซค์ 2013 BMW R1200GS ทดสอบการขับขี่

2013-BMW-R1200GS

เป็นที่ทราบกันดีว่า R1200GS น้นเป็นมอเตอร์ไซค์รุ่นสำคัญที่สุอของ BMW เขาหละ เพราะทำยอดขายได้กว่า 170,000 คันนับตั้งแต่ได้นำรุ่น GS ออกมาวางตลาดในเกือบ 30 ปีที่ผ่านมา และกลายเป็นคนกำหนดมาตรฐานของมอเตอร์ไซค์แบบ adventure-touring ไปโดยปริยาย การออกแบบรถมอเตอร์ไซค์ GS นี้บริษัทเยอรมันออกแบบโดยเริ่มจากศูนย์กันเลยทีเดียว

เราได้มีโอกาศทดสอบมอเตอร์ไซค์คันนี้ซึ่งถือเป็นกลุ่มแรกๆของโลกทีเดียวที่ได้บินมาทดสอบไกลถึงอเมริกา เพื่อทดสอบมอไซค์รุ่นที่ 5 ของแบรนด์ทรงพลังอันนี้ เป้าหมายของ BMW สำหรับมอเตอร์ไซค์คันนี้ก็คือการพัฒนาประสิทธิภาพของรถทั้งการขับบนถนนและการขับแบบลุย พร้อมทั้งความปลอดภัยและสะดวกสบายที่เพิ่มขึ้น

รองประธานบริษัท BMW Motorrad ประจำโรงงานเบอร์ลินกล่าวว่า “ถึงเวลาที่เราต้องลุยเส้นทางใหม่ และเปลี่ยนรีเซ็ตเลขกลับไปที่ 0” ความหมายตรงนี้ก็คือรถมอเตอร์ไซค์ GS คันใหม่นี้จะไม่มีอะไรเชื่อมโยงกับรุ่นเก่าเลย

ส่วนประกอบหลักของ GS ตัวใหม่นี้ได้ถูกออกแบบใหม่ คงไว้แต่เพียงส่วนของเครื่องยนต์หลัก ขนาด 1170cc ที่เราคุ้นเคยกันมาเกือบ 10 ปีเท่านั้น สำหรับเครื่องยนต์มอไซค์ที่ให้ชื่อว่า Boxer นั้นน่าจะนำไปใช้ต่อในรุ่น R โดยรุ่นที่น่าจะเป็นเป็นได้คงจะเป็น R1200RT ภายในเวลาประมาณ 1 ปี

เครื่องแบบ boxer รุ่นเก่านั้นจะผสมกันระหว่างการระบายความร้อนด้วยอากาศและของเหลว โดยอากาศจะช่วยระบายความร้อน 78% และแถมพกด้วยการระบายความร้อนด้วยน้ำมันในส่วนที่เหลืออีก 22% สำหรับเครื่องยนต์ GS ใหม่นี้จะให้นิยามว่าระบายความร้อนด้วยของเหลวแต่ความร้อนราว 65% นั้นจะถูกระบายด้วยอากาศผ่านครีบของกระบอกสูบ เนื่องจากยังคงมีระบบระบายความร้อนอากาศอยู่จึงทำให้น้ำหนักของระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวนั้นเพิ่มขึ้นมาไม่มาก หรือเพียง 6 ปอนด์มากกว่าระบบเดิม

สำหรับหัวกระบอกสูบก็ได้รับการออกแบบใหม่ โดยแทนที่อากาศและน้ำมันจะเข้ามาทางแนวนอนจากด้านหลังหัวสูบ ก็จะเปลี่ยนมาเป็นแนวดิ่งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ เส้นผ่าศูนย์กลางวาล์วไอดีและไอเสียนั้นเพิ่มขึ้นอีก 1 มม เพื่อการไหลที่ดีขึ้น และไอเสียที่ออกมาจากส่วนล่างของหัวสูบแทน

เนื่องจากมุมระหว่างวาล์วไอดีและไอเสียที่แคบลง ทำให้การเผาไหม้มีประสิทธิภาพมากขึ้นอัตราการอัดเลยเพิ่มขึ้นครึ่งจุดเป็น 12.5:1 และ GS ใหม่นี้มีระบบการขยายตัวอัตโนมัติเหมือนมอไซค์ Panigale ของ Ducati ทำให้ตัวสตาร์ทเครื่องยนต์และแบตเตอร์รี่นั้นเล็กลง และระบบใหม่อีกอย่างคือ E-gas หรือรู้จักกันในนามคันเร่งแบบ ride-by-wire (ระบบที่ไม่มีเส้นลวดจากคันเร่งไปยังเครื่องยนอีกต่อไป แต่จะมีตัวรับสัญญาณที่คันเร่ง ส่งค่าไปให้ ECU แล้ว ECU จะส่งค่าผ่านสายไฟไปยังหัวจ่ายน้ำมัน) ระบบที่ทันสมัยแบบอิเลคทรอนิคส์นี้ทำให้สามารถตั้งค่าการขับขี่ได้ถึง 5 กรณีและจะมีระบบ cruise control เป็นครั้งแรกสำหรับรุ่น GS

ผลที่ได้คือแรงม้าที่เพิ่มขึ้น 15 ตัวเป็น 125 แรงม้าที่ 7700 รอบต่อนาที แรงบิดก็เพิ่มขึ้นโดยสูงสุดที่ 92.2 ปอนด์-ฟุด ที่ 6500 เพิ่มจาก 89 ปอนด์-ฟุตที่ 6000 รอบ และความเร็วรอบสูงสุดเพิ่มอีก 500 เป็น 9000 รอบต่อนาที

2013-BMW-R1200GS-2

ทดสอบไกลถึงแอฟริกา

แม้ว่านักขับรถแบบแอดแวนเจอร์ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ออกลุยป่าจริงๆจัง แต่ชื่อเสียงของ BMW เขาดีในแง่ของการเป็นรถออฟโร้ด เขาเลยพาบรรดานักทดสอบทั้งหลายไปแอฟริกาเพื่อลุยกันให้สุดๆ เนื่องจากที่นั่นกฏเกณฑ์ต่างๆบนท้องถนนมีไม่มาก อีกทั้งมีถนนแบบลุยๆ ให้ลองเพียบ

เมื่อเจอมอไซค์คันนี้สิ่งแรกที่รูสึกได้คือหุ่นดูสวยมีเล่นขอบมากขึ้น ไฟหน้าหลักแบบ LED นั้นเป็นที่พูดกันว่าเป็นครั้งแรกที่มีการติดตั้งไฟแบบนี้กับมอเตอร์ไซค์ ไฟเลี้ยว LED ก็มีขนาดเล็ก ส่วนกลางของรถนั้นเพรียวกว่าเดิมทำให้เหยียดขาลงพื้นได้ตรงขึ้น สำหรับคนตัวสูงก็อาจจะปรับเบาะนั่งให้สูงขึ้นได้ มุมเบาะนั่งก็ปรับได้

รถรุ่นใหม่นี้สตาร์ทติดได้ไวกว่ารุ่นก่อนหน้านี้มาก ลองขยำคลัชก็เบาอย่างไม่น่าเชื่อ ก็คงเพราะเป็นระบบคลัชแบบเปียกแทนที่จะเป็นแบบแห้งในมอไซค์รุ่นเก่าที่อาจจะร้อนเกินเมื่อขับช้าๆ การบำรุงรักษาคลัชก็ทำได้ง่ายขึ้นด้วยตำแหน่งที่ถูกย้ายมาอยู่หน้าเครื่อง แต่เนื่องจากระยะคลัชที่น้อยลงผสมกับผลที่น้อยลงของ flywheel จากเครื่องยนต์ทำให้อาจจะยากไปนิดในการออกตัวเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน

จากที่เดิมคลัชอยู่ระหว่างเครื่องยนต์และเกียร์ แต่ระบบส่งกำลังใหม่ของ GS นี้ทำให้ชุดเกียร์ไม่จำเป็นต้องแยกชิ้นออกมา ผลที่ได้คือระยะทางจากด้านหน้าไปหลังของห้องเครื่องนั้นสั้นลงทำให้บรรจุข้อเหวี่ยงที่ยาวกว่าเดิม 53 มม ได้

การเข้าเกียร์ 1 นั้นเป็นไปอย่างนุ่มนวล ในขณะที่ R1200 รุ่นเก่านั้นการเข้าเกียร์เหมือนจะต้องกดจังหวะยาวและมีเสียงคลิกคลักมากกว่านี้ เกียร์ใหม่นี้นุ่มนวลดี ข้อเสียอย่างเดียวคือการเข้าเกียร์ว่างนั้นยากไปนิดหากสวมรองเท้าบูทแบบออฟโร้ดอยู่

สำหรับแรงบิดนั้นแรงทุกช่วงความเร็วรอบ แม้ว่าช่วงอัตราตอบสนองจริงๆนั้นยังเหมือนเดิมแต่ความรู้สึกเหมือนจะดีกว่าเก่า บอกได้ด้วยการลองขับแบบยกล้อว่าเครื่องแรงขนาดไหน ประสบการณ์ขับขี่ที่ดีขึ้นนั้นมาจากการที่ช่องอากาศเข้าเครื่องยนต์อยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้นทำให้ลุยน้ำได้อย่างมั่นใจมากขึ้น

สำหรับระบบ E-Gas ขับด้วยระบบอิเลคทรอนิคส์นั้นเป็นไปอย่างลื่นไหล ไม่รู้สึกถึงการขาดการเชื่อมโยงแต่อย่างใด การตอบสนองของเครื่องยนต์นั้นก็ขึ้นอยู่กับว่ากำลังขับอยู่ในโหมดใด โหมด Dynamic นั้นคล่องตัวสุดๆ ส่วนระบบ Rain นั้นจะอยู่ในอีกฟากนึง แต่อย่างไรก็ตามกำลังสูงสุดนั้นสามารถทำได้ทุกโหมด

แม้เครื่อง R1200GS ตัวใหม่นี้จะใช้โครงเหล็กใหม่เพื่อให้เข้ากับเครื่องยนต์ใหม่ แต่รูปร่างหลักของแชซซีไม่ได้ได้รับการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด ดังนั้นเวลาขับขี่ก็รู้สีกได้เหมือนกับการขับขี่ 1200GS รุ่นเก่า และไม่ได้รู้สึกว่าหนักกว่าเดิม

ระบบเบรกป้องกันการล้อคล้อนั้นมีมาให้มาเป็นมาตรฐาน แต่ที่เพิ่มมาก็คือคาลิปเปอร์เบรมโบที่ล้อหน้าและจานเบรกที่ใหญ่กว่าบนล้อหลัง เบรกหน้านั้นแหลมคมบนถนนเรียบแต่ทำงานได้ดีบนถนนวิบาก โปรแกรมใหม่สำหรับระบบ ABS นั้นทำให้การทำงานดีขึ้นซึ่งค่าต่างๆก็ขึ้นอยู่กับโหมดการขับขี่ แสดงว่าระบบเบรกนั้นถูกรวมเข้าไปกับระบบควบคุมหลักตามสไตล์ของ BMW นั่นแสดงว่าเบรกหน้าและหลังนั้นเชื่อมโยงกันและขึ้นอยู่กับโหมดการขับขี่ด้วย นักบิดหลายคนอาจจะเกลียดเบรกแบบนี้ แต่เชื่อเลยว่าเบรกของ R1200GS นั้นทำงานได้เยี่ยมยอด หากอยากจะปิดระบบ ABS ก็สามารถทำได้หากต้องการ

ในระบบกันสะเทือนนั้นล้อหน้าเป็นแบบ Telelover และล้อหลังเป็นแบบ Paralever ด้วยการปรับแต่งการออกแบบทาง BMW บอกว่าจะให้การขับขี่ที่นุ่มนวลขึ้น โดยรุ่นมาตรฐานนั้นล้อหน้าปรับไม่ได้แต่ล้อหลังปรับได้สำหรับการ preload และ damping แต่เราก็ไม่ได้ลองทดสอบดู

เราได้ทดลองขับด้วย Dynamic ESA โดยมีหัววัดการเคลื่อนที่ของสปริงและส่งข้อมูลไปยังคอมพิวเตอร์และจะมีการส่งข้อมูลมาปรับค่า damping ตามเงื่อนไขการขับขี่ ซึ่งการการขับขี่บนทางเท้านั้นทำได้ดี การควบคุมล้อเป็นไปอย่างราบรื่น ระบบ Telelver ของ BMW นั้นทำงานได้ดีในการลดอาการหัวทิ่มในตอนเบรก ซึ่งเป็นสิ่งที่มอไซค์แบบแอดแวนเจอร์หลายๆคันพยายามจะทำตาม

นอกจากลองบนฟุตบาทแล้ว เมื่อมุ่งหน้าไปขับแบบ off-road เปลี่ยนโหมดเป็น Enuro ระหว่างการขับขี่ มอไซค์ก็ปรับตัวตามอย่างรวดเร็ว ผลการขับขี่ก็น่าประทับใจในระบบไถลของล้อหลังที่พอเหมา ให้คนขับได้ปรับตัวเล็กน้อยและยังอยู่ในระยะปลอดภัย การเกาะถนนก็เป็นเยี่ยมเหมาะกับสภาพถนน รถ R1200GS คันนี้ถือว่าคล่องตัวทีเดียว ไหลไปได้สบายๆแม้ความเร็วรอบเพียง 1500 ความเร็วก็ขึ้นๆลงๆจาก 16 กม/ชม ไปจนถึง 120 กม/ชม แต่ตอนลองขับก็คงไว้ที่เกียร 3 ตลอดก็ยังไปได้ดี การควบคุมทิศทางเวลาเข้าโค้งที่ความเร็วต่ำนั้นได้รับการเสริมแต่งให้ดีขึ้น เป็นการลดกำลังเครื่องลง ส่วนทางตรงก็จะมีกำลังแรงส่งมาที่ความเร็วรอบ 6500 rpm นอกจากนี้เรายังได้ลองโหมด enduro-pro อีกด้วยโดยการใส่อุปกรณ์เสริมครบ

พฤติกรรมแบบ off-road ของมอเตอร์ไซค์คันนี้ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องแปลกสำหรับคนเคยขี่รถรุ่นนี้มาก่อน ความแรงออกมาเหมือนรถวิบาก แต่การเข้าโค้งยากๆก็ทำได้ดี หากรักษาความเร็วดีๆ ก็จะสามารถขับลุยได้ทุกสถานณ์การ กลับมาบนถนนเรียบ R1200GS ก็พิสูจน์ตัวเองได้ว่าเป็นรถแบบ sport-tourer ที่ดีคันนึง กุญแจสำคัญก็คงเป็นเพราะเจ้าบังลมอันใหญ่ที่ปรับแต่งได้ทั้งในแง่ความสูงและมุมด้วยปุ่มมือปรับที่ทำได้แม่ขณะรถวิ่ง ป้องกันลมได้ดีเมื่ออยู่ตำแหน่งบนสุดและ BMW บอกว่าเสียงเบากว่าเดิม 5 เดซิเบล

ในเรื่องของความเร็วแล้วทำได้สบายๆ ที่ 180 กม /ชม แต่มีอยู่ครั้งนึงที่เหลือบมองหน้าปัทว์เห็นตัวเลขวิ่งไปถึง 230 กม/ชม เลยทีเดียว

ตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น เรารู้สึกประหลาดใจกับสิ่งที่ BMW ได้ปรับปรุงเพิ่มเติมมากในทุกๆ ด้าน รถมอไซค์ GS คันใหม่นี้พร้อมรับกับทุกสถานการณ์ไม่ว่าจะลุยป่า ลุยน้ำ หรือการขับขี่บนท้องถนนทั่วไป

แต่ที่เราพบว่า BMW คันนี้นั้นมีปัญหาตรงเวลายืนขับ เพราะครั้งนึงผมลองยืนขับบนถนนวิบากด้วยความเร็วประมาณ 70 กม/ชม และมาเจอแอ่งน้ำ ปรากฏว่ามอเตอร์ไซค์เหวี่ยงตัวอย่างบ้าคลั้งจนแทบจะตกจากรถ ก่อนที่จะกลับมาวิ่งปกติเหมือนเดิม ไม่แน่ใจว่าเพราะอะไรแต่นักทดสอบอีกคนบอกว่าเจออาการสะบัดเวลายืนขับเหมือนกัน ก็เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดเมื่อมองถึงว่าโครงรถก็ไม่ได้เปลี่ยนไปจากรุ่นเดิม และไม่มีเคยเจอปัญหาความเสถียรเมื่อตอนทดสอบความเร็ว อาจจะเพราะระบบ Dynamic ESA หรือเปล่าที่เมื่อเจอแองน้ำแล้วทำให้การปรับแต่งค่าหน้าหลังแล้วเสียการทรงตัวไป ไม่แน่ว่า GS อาจจะมีการปรับแต่งด้วย steering damper ทีหลังก็เป็นได้

นอกจากเรื่องนี้แล้วถือว่า 2013 R1200GS นั้นเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่ทำได้หลายอย่าง การออกแบบใหม่หมายถึงหลายๆอย่างได้เปลี่ยนไป และแสดงว่าอาจจะมีหลายอย่างที่อาจจะเกิดการผิดพลาดได้ที่เรายังไม่รู้ แต่การเปลี่ยนแปลงแต่ละครั้งก็เพื่อไปสู่สิ่งที่ดีกว่าในหลายๆด้าน ถ้ามีโอกาสก็ลองทดสอบดูนะครับ

สำหรับราคามอเตอร์ไซค์ BMW R1200GS ในไทยนั้นอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านเศษๆ ส่วนราคาในอเมริกานั้นเริ่มต้นที่ $15,800 แค่ครึ่งเดียวเพราะราคาในไทยเป็นรถนำเข้า

ads2

Advertisment

17,028 views