รีวิว Yamaha MT 09 ทดสอบการขับขี่
รีวิวมอเตอร์ไซค์ ทดสอบการขับขี่ Yamaha MT 09 (First Ride)
หลังจากที่มีข่าวออกมานานถึงมอเตอร์ไซค์แบบ Triple ของยามาฮ่า และได้สร้างความฮือฮาให้กับวงการมอเตอร์ไซค์แทบทุกประเทศ ด้วยรูปโฉมที่ดูสวยงามโฉบเฉี่ยวและแฝงไปด้วยความบึกบึนที่มาพร้อมกับความแรง หลายๆคนต่างก็ตั้งหน้าตั้งตารอคอยที่จะได้ลองขับตัวเป็นๆซักที ข่าวที่ออกมาล่าสุดในอังกฤษที่จะมีการวางตลาด MT-09 ในปลายเดือนนี้ก็เป็นการเรียกกระแสกันอีกรอบ
ในส่วนของสื่อก็ได้รับเชิญไปทดสอบมอเตอร์ไซค์กันอย่างคึกคัก นิตยสารหลากหลายฉบับก็ได้เริ่มตีพิมพ์ผลการทดสอบมอเตอร์ไซค์คันนี้ออกมาแล้วประปรายทาง mocyclover ก็เลยขอถือโอกาศนี้หารีวิว ทดสอบการขับขี่มาให้อ่านกันนะครับ
มอเตอร์ไซค์ Yamaha MT-09 (หรือวางตลาดในอเมริกาในชื่อรุ่นว่า FZ-09) นั้นมาพร้อมกับเครื่องยนต์สามสูบขนาด 847cc โดยราคาที่วางขายในอังกฤษคือ 6799 ปอนด์หรือประมาณ 340,000 บาท ถือเป็นการสยบข่าวลือทุกกระแสเสียทีทั้งในเรื่องเมื่อไหร่จะวางขายและราคาจะเป็นเท่าไหร่
สำหรับมอเตอร์ไซค์ MT-09 รุ่นนี้อาจจะสร้างความสงสัยถึงการได้มาของชื่อรุ่นและสายพันธ์ของมันอยู่บ้าง เพราะคำว่า MT นั้นเริ่มจากมอเตอร์ไซค์คันแรกที่ให้ชื่อว่า MT-01 เป็นมอเตอร์ไซค์แนวคอนเซ็บตั้งแต่ปี 1999 โน่น ซึ่งหน้าตาก็ไม่่เหมือนคันไหนมาทั้งก่อนและหลังจากนั้น ซึ่งอยู่ดีๆ ก็โผล่ชือรุ่นมาเป็น MT-09 ในอังกฤษก็เลยทำให้งงไปตามๆกัน มีความเป็นไปได้อย่างเดียวคือต้องการให้ตัวเลขสอดคล้องกับทางฝั่งอเมริกันที่เป็น FZ 09 ซึ่งมีประวัติความเป็นมาที่สอดคล้องกับชื่อมากกว่า
ถึงเราจะไม่รู้ความสำคัญของชื่อ หลายๆคนที่ซื้อก็คงไม่ได้สนใจว่าทำไม Yamaha ถึงให้ชื่อนี้ออกมาใช่ไหมครับ ถ้าเราหันมาดูรูปลักษณ์ของรถมอเตอร์ไซค์คันนี้ละก็จะเห็นได้ว่ามีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอยู่มาก แต่ประสิทธิภาพของรถที่ออกมานั้นอาจจะดูด้อยกว่าราคาไปหน่อย แม้ว่า MT-09 คันนี้จะไม่ได้ถือว่าแพง แถมยังเป็นรถมอเตอร์ไซค์แบบสามสูบและยังเป็นของญี่ปุ่นอีกด้วย กำลังที่ออกมาเลยได้มากกว่าเครื่อง R6 แต่น้ำหนักน้อยกว่าถือเป็นมอเตอร์ไซค์ที่น่าท้าทายให้ลองขับคันนึงเลยทีเดียว
ภาพรวมของมอเตอร์ไซค์
หุ่นของมอเตอร์ไซค์คันนี้นั้นดูบึกบึน ไม่ได้มีอะไรเบาๆเหมือนที่อ่านจากข้อมูลสเปคเลย ช่องอากาศเข้าและถังน้ำมันแนวศิลปะนั้นเพิ่มความรู้สึกบึกบึนให้กับตัวรถและดูหนักในส่วนบนของรถเป็นอย่างมาก น้ำหนักอยู่ที่ 188 กิโลกรัม หนักกว่า Street Triple เพียงแค่ 5 กิโลกรัมและเบากว่า Z800 อยู่ 41 กิโลกรัม ก็ถือว่าไม่ใช่ธรรมดา
แม้ว่าราคาของ MT 09 นั้นวางจำหน่ายในอังกฤษที่ 6799 ปอนด์และเข้าข่าวเป็นรถระคาประหยัด เลยทำให้ลูกเล่นต่างๆอาจจะมีไม่มากสำหรับรถที่ให้ชื่อว่าประหยัด เพราะมีการพยายามลดตรงโน้นนิดตรงนี้หน่อยเพื่อความประหยัดอย่างระบบกันสะเทือนนั้นก็ปรับแต่งไม่ได้เต็มที่ จานเบรกก็เหมือนจะเล็กกว่าปกติสำหรับรถมอเตอร์ไซค์ที่ออกแนวสปอร์ต ไม่มี slipper cluth และนาฬิกาหน้าปัทว์ใช้งานได้ที่มีข้อจำกัดอยู่บ้าง ในแง่มุมของอุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์แล้วถือว่ามอเตอร์ไซค์คันนี้ไม่ได้มีลูกเล่นอะไรมากมาย แต่มีระบบ ride-by-wire แหละโหมดการขับขี่ 3 โหมด ไม่มีระบบ traction control และระบบ ABS นั้นถือเป็นออพชั่นที่ต้องจ่ายเพิ่ม
เราเห็นความประหยัดแล้วส่วนที่เพิ่มมาก็เป็นแชซซีแบบอลูมิเนียม ตะเกียบหน้าเป็นกระบอกอลูมิเนียมพร้อมทั้งล้อก็อลูมิเนียมด้วย ถือว่ามีเนื้อของอลูมิเนียมเยอะใช้ได้เพราะหากทาง Yamaha จะใช้เหล็กก็ไม่มีใครว่า นี่คือเหตุผลว่าทำไมมอเตอร์ไซค์คันนี้ถึงมีน้ำหนักเบาแต่ว่า Yamaha จะมีกำไรเหรอเนี่ย
ทดสอบการขับขี่
จากการได้ลองนั่งครั้งแรก สังเกตุเห็นได้ว่าเบาะนั่งนั้นแคบในส่วนหน้าและกว้างในส่วนหลัง ดูๆเหมือนจะเป็นรูปสามเหลี่ยมแบบเบาะจักรยานสมัยก่อนซะด้วยซ้ำ นั่งขยับไปทางหลังจะเต็มก้นเหมือนนั่งตามเก้าอี้ในสวนสาธารณะแต่ลองขยับมาข้างหน้าก็เหมือนไปนั่งคร่อมบันใดซะยังงั้น
ช่องกุญแจก็อยู่หลังนาฬิกาดิจิตอลซึ่งเล็กมาก มือจับนั้นกว้างไฟหน้าอยู่ต่ำลงไปหายไปจากทัศนวิสัยส่วนหน้าไปเลย ทุกอย่างดูสะอาดสะอ้านไม่แออัด การนั่งขับบนเบาะนั้นจะมองไม่เห็นอะไรที่มีความเป็น MT 09 เท่าไหร่ ไม่เหมือนตอนมองจากด้านข้าง
ถือเป็นรถที่น่าขับคันหนึ่งด้วยแรงม้าที่ 115 bhp (หน่วยแรงม้าอังกฤษ) และแรงบิดขนาด 65 ปอนด์ฟุต เครื่องสามสูบที่พร้อมคำรามและทยานไปข้างหน้า แต่ถามว่าคำรามไหม เรื่องเสียงหนะคิดว่าคงดุดันน่าดูแต่ด้วยท่อไอเสียและระบบเก็บเสียงทำให้เครื่องยนต์ขนาด 847cc นั้นเหมือนจะเงียบไปเลยทีเดียว
เครื่อง MT 09 นั้นพร้อมที่จะพาคุณไปทุกที่ระบบ Yamaha Chip Controlled Throttle (YCC-T) หรือเป็นระบบลิ้นจ่ายน้ำมันควบคุมด้วยสมองกลนั้นเป็นระบบ fly-by-wire หรือเป็นระบบใหม่ที่ไม่ได้มีสายลวดเชื่อมโยงจากคันบิดไปยังหัวจ่ายโดยตรงแต่เป็นระบบที่ควบคุมการทำงานผ่านระบบคอมพิวเตอร์อีกที แม้จะเป็นระบบนี้การตอบสนองก็ว่องไวในโหมดการขับแบบ standard (STD) และมีโหมดที่คมกว่าด้วยโหมด A และที่นุ่มกว่าด้วยโหมด B
ที่ความเร็วต่ำของการขับในเมืองโหมด STD นั้นเหมือนจะคมไปสำหรับผมเอง Yamaha ตั้งค่าไว้ในลักษณะที่ว่าความเร็วของระบบนั้นให้ความรู้สึกเสมือนหนึ่งว่าเครื่องยนต์ของ MT 09 นั้นเป็นส่วนหนึ่งของข้อมือคนขับไปเลย เพราะการตอบสนองนั้นทันทีทันใด เหมือนว่าเจ้า ECU นั้นแอบมาดังคำสั่งจากสมองของผมก่อนจะไปถึงข้อมือซะอีกเพราะพอเริ่มทำท่าจะบิดเครื่องก็ทะยานไปแล้ว ข้อดีของ ride-by-wire ก็แบบนี้แหละครับ หมุนไปเพียงหนึ่งมิลลิเมตรนั้นได้กำลังเครื่องเสมือนหมุนไปเกือบครึ่งรอบ แต่หากลองเปลี่ยนมาขับโหมด B การตอบสนองนั้นจะนุ่มนวลลงไป เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยชินกับการตอบสนองแบบทันทีทันใดแบบนี้
แม้ว่าจะมีความพยายามใส่ระบบท่อไอเสียเพื่อให้เสียงของ MT 09 นั้นเบาลงแต่เครื่องแบบสามสูบก็ยังคำรามอย่างที่ควรจะเป็นในทุกๆโอกาส หลังจากคุณบิดผ่านจุดทะยานช่วงออกตัวไปแล้วในโหมดขับขี่แบบ STD เครื่องก็จะปลดปล่อยกำลังอย่างต่อเนื่องจาก 4000 รอบต่อนาทีจนถึง 11,000 รอบต่อนาที แทบจะหาจุดบกพร่องของพละกำลังแทบไม่เจอ ตอนที่ผมได้ยินสมัยที่ Yamaha ออกมาบอกว่าเครื่องยนต์แบบสามสูบนี้ไม่ได้ออกแบบมารองรับรถแนวสปอร์ท ตอนนี้ก็เลยคิดไปว่าอาจจะเพราะความเร็วรอบที่น้อย แต่จริงๆแล้วการตอบสนองนั้นถือว่ากระฉับเฉงทุกความเร็วรอบจนนึกไปว่าเป็นเครื่องสี่สูบหรือเปล่า
เมื่อลองมาขับที่โหมด B การตอบสนองของเครื่องยนต์ในช่วงออกตัวนั้นนุ่่มนวลขึ้น และการส่งกำลังก็ถือว่าใช้งานได้ดี แต่เมื่อคุณเริ่มชินกับเครื่องสามสูบขนาด 847cc แล้วคุณจะพบว่าหากมัวแต่ขับโหมด B อยู่ละก็คุณจะขาดสิ่งดีๆอย่างกำลังช่วงกลางที่เครื่องสามสูบมีมาให้
แต่การเปลี่ยนโหมดการขับนั้นเหมือนจะสะดุดอยู่หน่อยหากเป็นการเปลี่ยนระหว่างการขับขี่เพราะว่าปุ่มนั้นอยู่ทางขวามือ จะมาเปลี่ยนโหมดได้ก็ต้องปล่อยคันเร่งเลยกลายเป็นว่าแทนที่จะเปลี่ยนโหมดด้วยมือซ้ายที่ว่างอยู่ระหว่างรอจังหวะชลอคันเร่งแล้วเปลี่ยน กลับกลายเป็นว่าต้องปล่อยคันเร่งอย่างกระทันหันเปลี่ยนโหมดอย่างไวแล้วบิดคันเร่งอีกครั้ง ทำไมไม่ย้ายปุ่มนี้มาทางซ้ายก็ไม่รู้
เวลาคุณทดสอบรถ คุณก็มักจะลองโหมดแต่ละโหมดเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาทั้งงัน แต่เจ้าของรถทั่วไปมักจะหาโหมดที่ชอบจนเจอแล้วก็ไม่ค่อยเปลี่ยนอีกเลย สำหรับผมแล้วเลยอาจจะดูประหลาดไปหน่อยเมื่อเทียบกับคนขับทั่วๆไป หากคุณชอบเปลี่ยนโหมดขับขี่บ่อยๆละก็เล่นให้สนุกไปเลยนะครับ
โหมด A นั้นละเอียดอ่อนมาก การตอบสนองนั้นสุดยอด บิดคันเร่งเพียงเล็กน้อยแต่สิ่งที่ตอบสนองกลับมานั้นมหาศาลเลยทีเดียว หากคุณได้ลองขับโหมด A แล้วละก็เหมือนกับไปขับ Yamaha R1 เลยทีเดียว
สำหรับถนนคดเคี้ยวและลาดชัน ผมเลือกโหมด B และเล่นเกียร์แถวๆเกียร์สองและสาม เกียร์หนึ่งนั้นแหลมคมเกินไปสำหรับการออกจากโค้งแบบ 360 องศา และด้วยความแรงของเครื่องแค่เกียร์สามก็พาคุณทะยานได้ถึง 160 กม/ชมแล้วหละครับ
มอเตอร์ไซค์ MT 09 คันนี้ถือว่าปราดเปรียวคล่องตัวสูงทีเดียวเมื่อเทียบกับน้ำหนักรถ ท่านั่งตัวตรงและแฮนด์ที่กว้างทำให้ลดความเกร็งได้ดีในการเลี้ยวไปมาหรือการเข้าโค้ง
ตอนขับช่วงแรกๆผมไม่ค่อยมั่นใจ 100% กับส่วนหน้าของรถระหว่างอยู่กลางโค้งมากนัก ทุกครั้งผมจะถามตัวเองตลอดเวลาเยว่าความรู้สึกที่ออกมานั้นเพราะตัวผมเอง เพราะสภาพถนน หรือเพราะตัวรถ บนถนนที่ราบเรียบการยึดเกาะถนนนั้นเป็นเยี่ยมและการชลอเพื่อเข้าโค้งก็ไม่ได้ยากเย็นเท่าไหร่ ความรู้สึกที่มาจากล้อหลังเหมือนเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของเรา ช่วงเข้าโค้งเมื่อหาระดับการเกาะถนนที่เหมาะสมเจอก็บิดคันเร่งเพิ่มแล้วทะยานออกจากโค้งโดยทิ้งรอยล้อบางๆอย่างมั่นใจไว้ให้คนข้างหลังมอง
แต่ส่วนหน้านั้นเหมือนเป็นหนังคนละม้วน เมื่อนั่งตัวตรงกระเถิบไปข้างหน้าให้มากที่สุดแต่ความรู้สึกที่ได้กลับมาจากล้อหน้านั้นไม่ได้ดีเท่าที่คาด
ตลอดทั้งวันที่ลองขับผมก็เริ่มรู้สึกมั่นใจกับส่วนหน้ามากขึ้น เหมือนว่าถนนจะมีสภาพดีขึ้น ไม่ใช่ว่าจะบอกว่าไม่ดีนะครับแต่ผมคิดว่าอยากจะให้ส่วนหน้านั้นต่ำกว่านี้สักหน่อยหรือไม่ก็ให้ส่วนหลังนั้นสูงขึ้นมาซักเล็กน้อยเพื่อให้น้ำหนักไปอยู่ส่วนหน้ามากขึ้น การลงเบรกหน้ามากไปในการเข้าโค้งก็จะรู้สึกได้ถึงการตอบสนองของล้อหน้าแต่คุณจะต้องเชื่อมั่นกับล้อหน้าให้มากขึ้นก่อนที่จะทำอย่างนั้นได้ แม้ว่าดูดีก็ไม่ดีเท่าที่เรื่องอื่นๆที่มอเตอร์ไซค์คันนี้มีมาให้
เมื่อขับไปตามถนนนอกเมืองมอเตอร์ไซค์ MT-09 คันนี้ให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวขึ้นมา ระบบกันสะเทือนทำงานได้ดีแต่บางช่วงก็เกิดอาการหัวสั่นเล็กน้อยหรือบางครั้งก็เด้งมาถึงเบาะนั่ง ที่ความเร็วนั้นขับสนุกแต่ไม่ถึงกับนิ่งเรียบ รู้สึกได้ถึงผิวถนนข้างล่างอยู่ตลอดเวลา
แม้จานเบรกจะไม่ใช่ขนาด 320 มม แต่จานขนาด 298มม ก็ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี เบรกจับได้แม่นยำแต่ก็ไม่แหลมคมเกินไป เราไม่ได้ทดสอบคันที่มีระบบ ABS เพราะยังไม่มีคันให้ลอง แต่ถ้ามีวางตลาดเมื่อไหร่ผมก็คงซื้อคันที่มี ABS สำหรับมอเตอร์ไซค์แรงๆแบบนี้
สมรรถนะ
มอเตอร์ไซค์ MT 09 ถือเป็นรถที่คุณขับโดยไม่รู้หรอกว่าอยู่ที่เกียร์ไหน จะขับเกียร์ 6 ที่ความเร็ว 70 กม/ชม อาจจะไม่แรงพอ เดาได้เลยว่าคุณอาจจะเล่นอยู่แล้วเกียร์ 3 หรือเกียร์ 4 เพราะช่วงนี้แรงบิดจากเครื่องยนต์นั้นมากพอที่คุณจะออกตัวที่เกียร์ 3 และหากขับจนสุดเกียร์ 4 ความเร็วก็เกินกฏหมายกำหนดไปแล้ว หากลองเล่นกับคลัชคุณจะยังยกล้อได้แม้เกียร์ 3 ซึ่งมอเตอร์ไซค์หลายๆคันคงจะทำไม่ได้
ถังน้ำมันขนาด 14.3 ลิตรเหมือนจะเป็นความผิดพลาดของ Yamaha หรือเปล่าความจริงน่าจะซัก 17 หรือ 18 ลิตรจะกำลังดี อาจจะเป็นเพราะอยากจะลดน้ำหนักรถให้ต่ำกว่า 190 กิโลกรัมก็เป็นได้ โดยทาง Yamaha แจ้งว่าด้วยถังขนาดนี้ไปได้ไกลถึง 240 กิโลเมตรเลยทีเดียว แต่ปกติแล้วผู้ผลิตมักจะให้ตัวเลขที่เกินจริงอยู่แล้ว
ต้องยอมรับว่าเมื่อได้ลองขับด้วยระยะทางราวๆ 300 กิโลเมตร ถนนคดเคี้ยวเป็นส่วนใหญ่ และใช้เกียร์ 2 ถึงเกียร์ 4 ก็วิ่งไปได้เพียง 170 กิโลมเตรเท่านั้น เราเติมน้ำมันที่กม 187 เติมได้ 13.3 ลิตร แสดงว่ายังเหลืออีก 1 ลิตรดังนั้นเลวร้ายที่สุดแล้วก็วิ่งได้ราว 200 กิโลเมตร ตัวเลข 240 กม อาจจะเป็นไปได้แต่ต้องขับกันแบบประหยัดสุดๆ
ความรู้สึก
แม้ผมจะรู้สึกชอบในสไตล์ของรถคันนี้แต่ต้องยอมรับว่า MT 09 นี้เหมือนเป็นลูกผสมอะไรซักอย่าง แฮนด์รถ ล้อ และถังน้ำมันนั้นดูดี แต่ไฟหน้าและไฟท้ายนั้นเหมือนไปขโมยจากไหนมาใส่รถคนนี้ก็ไม่รู้ ตะเกียบหน้าอันมันวาวนั้นเหมือนจะไม่ค่อยเข้ากับส่วนอื่นๆของรถเลย
สำหรับสีที่ผมชอบแล้วละก็คงเป็นสีเข้มๆอย่างม่วงที่เข้มจนดูเหมือนเป็นสีดำ ซึ่งเข้ากันได้ดีกับตะเกียบสีทอง แต่ก็แล้วแต่ชอบนะครับ
ส่วนเรื่องโหมดการขับขี่แล้วสำหรับผมถือว่าเป็นเรื่องเสียเวลาเปล่าๆ ทำไมโรงงานไม่ออกแบบมาเพียงโหมดเดียวก็พอด้วยค่าที่เหมาะสม เพราะให้ขับไปเลือกไปสำหรับแนว street bike แล้วเหมือนไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่ การที่ระบบพยายามคาดเดาความต้องการคนขับนี่เหมือนเป็นเรื่องขาดๆเกินๆ ยังไงพิกล หากผมได้รับแบบสอบถามเรื่องโหมดการขับขี่มุมจะตอบว่าไม่เอาให้ทุกฉบับไปเลย
สำหรับเรื่องการตอบสนองของล้อหน้าผมอยากให้มันดีกว่านี้ แต่ไม่ว่าจะราคาเป็นเท่าไหร่ Yamaha MT 09 คันนี้ถือว่าเป็นรถที่ขับสนุก ไม่ต้องปรับแต่งอะไรเพิ่มเติม ด้วยราคานี้ถือว่าเป็นรถที่คุ้มค่าที่สุดในเวลานี้ แม้ในตลาดที่มีการแข่งขันสูงในปัจจุบัน แต่หากคุณได้ลองขับ MT 09 ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 847cc สามสูบคันนี้แล้วละก็ รับรองว่ายากที่คุณจะหาอะไรที่ดีกว่ารถคันนี้
เรียบเรียงจาก Visordown.com
ads2