2014 Harley-Davidson FXDF Fat Bob รีวิวมอเตอร์ไซค์
รีวิวมอเตอร์ไซค์ 2014 Harley Davidson FXDF Fat Bob
มอเตอร์ไซค์รุ่นนี้เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2008 และมากระโดดเกาะ Twin Cam 103 เมื่อปี 2012 และในปี 2014 ก็ได้รับการปรับโฉมให้ดูมีเสน่ห์มากขึ้น แต่ยังคงความแกร่งที่ไม่เหมือนใคร ทั้งตะเกียบคู่หน้าที่กว้าง ยางที่หนาขึ้น พร้อมไฟหน้าคู่
มาพร้อมกับระบบท่อไอเสีย tommy gun แบบ 2-1-2 แบบปลายตัด ปลายท่อเก็บเสียงซ้อนกันอย่างสวยงาม โดยทาง Harley ระบุว่าได้แรงบันดาลใจมาจาก “Mad Max meets NASCAR” เลยทำให้สไตล์ของรถ FXDF คันนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะพร้อมเงาโครเมี่ยมมันวับ แต่ส่วนใหญ่ของเครื่องยนต์จะออกเป็นสีดำ รวมไปถึงแคล้ม ปลอกหุ้มโช้คหลัง ฝากล่องแบตเตอร์รี่ และขอบไฟหน้าก็เป็นสีดำสนิทด้วย
ถังน้ำมันจะมีขนาดใหญ่ที่ชดเชยด้วยเบาะขนาดเล็กที่บุ๋มลงไป พร้อมส่วนหลังที่โค้งขึ้นรองรับให้ท่านั่งสบาย พร้อมออกแนวสปอร์ตไม่เทอะทะเหมือนรถทัวร์เรอซะทีเดียว เสริมกับคันบังคับแนว drag bar เลยทำให้ เป็นมอเตอร์ไซค์ที่เหมาะสำหรับคนตัวสูงๆ มาก
Image from motorcycle.com
ทุกอย่างที่มีอยู่เดิมและที่ได้รับการปรับปรุงทำให้มอเตอร์ไซค์คันนี้เป็นรถที่ดูดี ดูแกร่ง และมีเสน่ห์ในแบบของ Bobber จาก Harley Davidson อีกคันหนึ่ง แต่ยังมีอีกสองประเด็นที่ทำให้โดดเด่นกว่ารุ่นปีก่อนๆ อย่างแรกก็คือ บังโคลนหลังตัดเฉียงอันสวยงาม โค้งมน เรียบหรู และสิ่งที่ทำให้บั้นท้ายสวยสุดยอดก็คือไฟ LED ทรงกลมสองดวงที่ส่งผ่านเลนส์รมดำออกมา ถือเป็นเงาสะท้อนถึงไฟคู่หน้าที่เข้ากันได้ดี ผลคือทั้งหัวท้ายนั้นได้รับการออกแบบไปในทำนองเดียวกันและดึงดูดสายตาเป็นอย่างยิ่ง
Image from motorcycle.com
อีกอย่างหนึ่งซึ่งถือเป็นสุดยอดนวตกรรมสำหรับรุ่นปี 2014 คือการใช้สีด้าน พร้อมกับลายกราฟฟิกบนถังน้ำมันที่มีสไตล์ของตัวเอง รวมถึงโลโก้ Harley Davidson ที่ขอบล้อ เลยทำให้ภาพรวมของมอเตอร์ไซค์ดูร้อนแรงท่ามกลางความเงียบขรึมบึกบึนที่มีอยู่แล้ว
การขับขี่
การขับขี่มอเตอร์ไซค์คันนี้ คนขับก็ต้องกางมือเพื่อจับแฮนด์ปล่อยให้กำปั้นโดนลมกระแทกอย่างเต็มๆ และเท้าก็ยื่นยาวออกไปข้างหน้า ฟังดูแล้วอาจจะเหมือนทรมานคนขับพิกล แต่ความจริงแล้วถือเป็นท่านั่งที่ผ่อนคลายพอสมควรบนทางด่วน และดูเทห์สุดๆในการจราจรที่แออัด สิ่งที่ผมเป็นห่วงอย่างเดียวคือเรื่องเท้าที่ยื่นไปข้างหน้า พร้อมกับแป้นเบรกอันใหญ่และอุปกรณ์กรองอากาศที่อยู่ด้านขวาของเครื่องยนต์ หมายถึงผมต้องเกร็งเท้าขวาเพื่อที่จะวางเท้าให้อยู่บนที่วางที่ความเร็ว ผมมีปัญหาเล็กน้อยในการหาที่วางส้น เลยรู้่สึกว่าเท้าจะลื่นหลุดออกจากที่วางเท้าอยู่บ่อยๆ
เครื่องยนต์แบบ V-Twin ครางกระหึ่มและพร้อมที่จะปล่อยพลังออกมาจากจุดหยุดนิ่งไปถึงเกียร์ถัดไป เมื่อรถเริ่มออกตัว Fat Bob คันนี้ก็ลื่นไหลได้ดี เลี้ยวได้ทันใจ แรงบิดเพียงพอและด้วยระยะระหว่างล้อสั้นทำให้ขับได้ง่ายกว่าที่คาดจากการเห็นรูปลักษณ์ภายนอกแนว Bobber แบบนี้ การตอบสนองของคันบังคับเลี้ยวนั้นดีกว่าการเอียงตัวมาก การบังคับเลี้ยวแทบจะสบายๆ แค่ปล่อยแฮนด์หลวมๆก็เหมือนรถจะหาทางไปของมันเอง
หากเรามองแบบผ่านตาอาจจะคิดว่ามอเตอร์ไซค์คันนี้เหมาะสำหรับขับโชว์ไปตามถนนเส้นตรงหน้าบ้าน แต่ความจริงแล้วต่อให้เจอถนนคดเคี้ยวแค่ไหน รถมอเตอร์ไซค์คันนี้ก็ยังทำได้ดี แม้จะหนักถึง 700 ปอนด์ วิ่งบนทางด่วนก็ฉิว การเข้าออกโค้งทำได้ดีเหมือนขับรถ Cruiser ที่ผมเคยขับมา โข้คหน้าขนาด 49 มม นั้นนิ่มนวลพอเหมาะและจานเบรกคู่หน้าขนาด 300 มม นั้นสามารถหยุดรถได้ดั่งใจ (ABS ถือเป็นออพชั่นเพิ่ม)
หากมองในแง่ของราคาแล้วยังถือว่า FXDF คันนี้ไม่ได้ถูก ถือเป็นรถที่แพงอันดับสองเลยทีเดียว โดยราคาอยู่ที่ $16,099 USD หรือกรณีสีด้านและดำด้านอยู่ที่ $15,699 แต่ก็ถือว่าเป็นมอเตอร์ไซค์ยอดเยี่ยมคันหนึ่งที่มีความเป็นอเมริกันอยู่ในตัวเลยอาจจะเป็นที่มาของราคาแพง
สเป็คอย่างย่อ เครื่องยนต์แบบระบายความร้อนด้วยอากาศขนาด 103 ลูกบาศก์นิ้ว (cubic inch) V-Twin แรงม้า 66.6hp ที่ 5200 รอบต่อนาที แรงบิด 88.3 ปอนด์ฟุต ที่ 3000 รอบต่อนาที เกียร์ 6 เกียร์ ระยะระหว่างล้อ 63.8 นิ้ว เบาะสูง 26.1 นิ้ว น้ำหนัก 706 ปอนด์ ถังน้ำมันจุ 5 แกลลอน อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 42 ไมล์ต่อแกลลอน
เรียบเรียงจาก motorcycle.com
ภาพประกอบจาก motorcycle.com
ads2