ล่าสุด

รีวิวการขับขี่มอเตอร์ไซค์ 2015 MV Agusta Stradale 800

2015-MV-Agusta-Stradale-800-first-ride

รีวิวการขับขี่มอเตอร์ไซค์ 2015 MV Agusta Stradale 800

ads1

ทุกคนรู้ดีว่าชื่อคำว่า MV Agusta สื่อถึงอะไร เพราะมันหมายถึง พลังแรง ออกแบบสวยงาม วัสดุดีเยี่ยม บ่งบอกถึงไลฟ์สไตล์ และอีกหลายๆคำชื่นชมสำหรับมอเตอร์ไซค์ยี่ห้อนี้ แต่ในแง่การใช้งานจริงแล้วคิดว่า MV Agusta จะเป็นอย่างไร แล้วยิ่งเจอรถมอเตอร์ไซค์อเนกประสงค์อย่าง MV แล้วจะออกมาแนวไหน วันนี้เรามาหาคำตอบกันนะครับ

มอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์สามสูบ 798cc นั้นมีโครงสร้างเหมือนกันหลายรุ่น แต่สำหรับมอเตอร์ไซค์อเนกประสงค์คันนี้มีอะไรหลายอย่างที่โดดเด่นเป็นตัวของตัวเองอยู่เหมือนกัน

เริ่มจากเครื่องยนต์ เนื่องจากเป็นส่วนที่สำคัญสุด มันเป็นเครื่องยนต์ขนาดเล็กออกแบบตามยุคสมัย และสำหรับรุ่น Stradale รุ่นนี้จะมีคลัชไฮโดรลิค ทำให้มันบางกว่าเดิมสองสามนิ้วเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ F3 น้ำหนักก็จะเหลือเพียง 52 กิโลกรัม และให้แรงม้าที่ 115 แรงม้าในการขับขี่โหมดสปอร์ท

เป็นที่คาดเดาได้จากเครื่องยนต์รุ่นนี้ว่าจะต้องมีตัวเลือกอุปกรณ์เสริมแบบอิเลคทรอนิคส์มากมาย ซึ่งเราจะลงในรายละเอียดส่วนนี้ทีหลัง แต่สิ่งที่ใช้งานได้ดีก็คงเป็นตัว quickshifter ซึ่งทำงานได้ดีในภาวะการขับขี่มอเตอร์ไซค์ในสภาพแวดล้อมการใช้งานจริง

2015-MV-Agusta-Stradale-800-first-ride-2

ระบบ Quickshifter นั้นมีมานานแล้วและเป็นการนำเอามาจากมอเตอร์ไซค์ทีใช้ในสนามแข่ง ในสมัยก่อนมันเหมือนจะเป็นกฏตายตัวไปแล้วว่าการเปลี่ยนเกียร์นั้นเสียเวลาเท่ากับความยาวของมอเตอร์ไซค์เอง ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องปกติหากทุกคนเสียเวลาเหมือนๆกัน ทุกอย่างเลยถือว่าเสมอกัน แต่ตอนนี้ระบบ quickshifter ทำให้นักแข่งสามารถรักษาความเร็วรอบเครื่องยนต์อยู่ได้โดยระบบอิเลคทรอนิคส์ทำหน้ที่ปิดกำลังเครื่องยนต์ในเวลาเศษเสี้ยววินาทีจนกว่าจะเจอเกียร์ถัดไป การเสียเวลาในการเปลี่ยนเกียร์จึงน้อยลงมากในปัจจุบัน

นักแข่งที่ต้องการเปลี่ยนเกียร์ลงในลักษณะที่ไม่ต้องกลัวเกียร์ค้างหรือล้อล้อค ดังนั้นนักพัฒนาซอฟท์แวร์จึงได้พัฒนาระบบอัตโนมัติซึ่งไม่เพียงไม่ต้องการคลัชเท่านั้นแต่ยังบอกเครื่องยนต์ให้เพิ่มรอบเพื่อรองรับเกียร์ที่ต่ำลงได้อย่างอัตโนมัติอีกด้วย

ก่อนมาเจอมอเตอร์ไซค์รุ่น Stradale มุมมองของผมมองว่าหากคุณไม่สามารถบิดคันเร่งเพิ่มรอบเพื่อรอเกียร์ต่ำเกียร์ถัดไปแล้วละก็ ควรจะยึดใบขับขี่คุณซะเนื่องจากคุณไม่เชี่ยวชาญพอที่จะขับมันได้ลื่นไหล อย่างไรก็ตาม Stradale ทำให้ผมต้องคิดใหม่

ผมคาดหวังว่าระบบนี้ทำงานได้ดีในระดับความเร็วสำหรับการแข่งในสนามแข่ง ทำรอบเครื่องไปที่ 10,000 รอบต่อนาที แล้วแค่กดก้านเบาๆแล้วเกียร์ก็เปลี่ยนไปอย่างทันทีและนุ่มนวล

กรณีเปลี่ยนเกียร์ลงก็คงเป็นทำนองเดียวกัน ลดความเร็วตอนเข้าโค้งลง ระบบอิเลคทรอนิคส์ก็จะทำให้เข้าเกียร์ต่ำลงอย่างอัตโนมัติ แต่จะว่าไปแล้วเราจะขับรถมอไซค์เกียร์ออโต้กันเหรอเนี่ย

สิ่งทีทำให้น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งก็คือ แม้ว่าลองพยามขับรถตลอดทั้งวันเพื่อดูว่าสถานการณ์ไหนระบบนี้จะไม่ทำงาน ก็พบว่ามันทำงานได้ดีตลอด

ตอนแรกผมลองทำเหมือนผ่านวันเหนื่อยๆมาทั้งวัน แล้วจงใจเปลี่ยนเกียร์แบบขัดๆผิดจังหวะ แต่เกียร์กลับเปลี่ยนให้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่เจออาการเครื่องกระตุกล้อหน้าโดดหรือรอบวิ่งสูงแต่อย่างใด การเปลี่ยนเกียร์นั้นยอดเยี่ยมมาก ดังนั้นหากคุณขับขี่มาทั้งวันอย่างเหนื่อยอ่อนแล้วอยากกลับบ้านแล้วละก็ แค่ดื่มกาแฟไปพลาง ดูจอทีวีไปพลาง ระบบ MV ตัวนี้ก็จะช่วยเข้าเกียร์ให้คุณแน่นอน

ต่อมาผมลองจำลองสถานการณ์ว่ากำลังรีบขณะขับรถอยู่ในเมือง พยายามเปลี่ยนเกียร์อย่างรวดเร็วแบบไม่ต้องรอรอบเครื่องเพื่อหนีรถบรรทุก หรือพูดอีกแง่นึงก็คือการขับขี่แบบทั่วๆไปในชั่วโมงเร่งด่วนที่ตัองออกตัวเร็ว ระบบก็ทำงานได้อย่างไม่ผิดพลาด ยอดเยี่ยมจริงๆ

เจ้าของ MV Agusta รายนึงพูดว่าที่โรงงานนั้น Stradale จะเป็นเหมือนสกู๊ตเตอร์คันหนึ่งของ MV ก็เป็นข้อเปรียบเทียบที่น่าคิดอันบ่งบอกว่าเหมือนขับรถเกียร์อัตโนมัตินั่นเอง

คุณภาพของระบบ MV ตอนนี้ก็กลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับระบบคลัชคู่อย่างที่เห็นกับ Honda NC750 ลองคิดดูว่าทำไมคุณจะต้องไปสิ้นเปลืองเงินและระบบที่มีน้ำหนักมากๆแบบนั้นในเมื่อระบบนี้เป็นเพียงระบบอิเลคทรอนิคส์ราคาถูกก็ใช้งานได้ยอดเยี่ยมกว่าเยอะ คำตอบคงหาไม่ได้ แต่ที่ผมขอตอบในใจคือตอนนี้มอไซค์ทุกคันต้องมีระบบนี้แล้วหละ

2015-MV-Agusta-Stradale-800-first-ride-3

ท้ายสุดแล้วคุณเองก็สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้ดีโดยไม่จำเป็นต้องใช้ quickshifter ดังนั้นไม่ใช่ว่า MV จะดูถูกว่าเราเข้าเกียร์ไม่เป็นแต่หากคุณมีทักษะในระดับนึงแล้วละก็คุณสามารถลองเล่นกับระบบเกียร์ได้ทั้งวันและ Stradale จะช่วยให้คุณสนุกกับมันอีกด้วย

MV นั้นเคยถูกกล่าวว่ามีระบบซอฟท์แวร์จัดการเครื่องยนต์ที่แย่มาก แต่ตอนนี้คงไม่มีใครพูดอย่างนั้นกับ Stradale อีกแน่นอน แถมยังจะต้องบอกเพิ่มว่าระบบจัดการเครื่องยนต์คันนี้นั้นสุดยอดเป็นไหนๆ

ผมได้ลองพยายามเร่งเครื่องจากความเร็วราว 50 กม/ชม ที่เกียร์ 6 และพบว่า Stradale ก็ทะยานไปข้างหน้าได้อย่างลื่นไหลไม่มีอืดจนไปถึง 160 กม/ชม ไม่ว่าจะความเร็วรอบเท่าใด หรือว่าอยู่เกียร์ไหน หรือคุณจะขับอย่างไร ทุกอย่างพร้อมตอบสนองคุณ

แรงบิดสูงสุดนั้นอยู่ที่ 9000 รอบต่อนาที แต่ตัวเลขอาจจะบอกอะไรไม่ได้ชัดเจน สิ่งหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องจริงก็คือพลังนั้นออกมาตั้งแต่เครื่องยนต์เริ่มทำรอบและตอบสนองได้ต่อเนื่องเท่ากันตลอดทุกช่วงความเร็ว คาดเดาได้และใช้งานง่าย

ต่อมาก็เป็นเรื่องตัวเลือกต่างๆที่ใช้ในการขับขี่ที่มีมากมายให้เลือก ทั้งโหมด rain โหมดปกติ และอื่นๆ ต่อไปนี้คือตัวอย่างที่คุณสามารถเลือกค่าต่างๆได้เช่น

โหมดเครื่องยนต์สี่โหมดคือ Sport, Normal, Rain และ Custom และปรับค่าต่างๆได้อีกมากมาย

แรงบิดที่จะตอบสนองต่อเนื่องกับกำลังเครื่องยนต์ที่ออกมาซึ่งเลือกได้สองระดับ จุดตัดรอบเครื่องยนต์สองระดับ ความไวของคันเร่งสามระดับ engine braking สองระดับ traction control แปดระดับพร้อมทั้งสั่งปิดใช้งานได้ด้วย

สำหรับผมแล้วการจะไปเลือกค่าโน่นนี่นั้นคิดว่าเสียเวลาเป็นอย่างยิ่ง ผมพยายามลองเปลี่ยนค่าโน่นนี่บ้างเล็กน้อยแล้วพบว่ามันทำให้ความสนุกในการขับขี่หายไปเยอะ ถ้าคุณยังเป็นวัยรุ่นอยู่ละก็เลือก sport โหมดและการตอบสนองคันเร่งแบบไวสุดก็พอแล้ว เนื่องจากโดยรวมทุกอย่างก็ดีอยู่แล้ว ขับก็ง่าย จะไปอาศัยระบบอิเลคทรอนิคส์ให้มากไปทำไม

นอกจากนี้แล้วระบบอิเลคทรอนิคส์ยังครอบคลุมเบรก ABS และระบบ traction control ซึ่งทั้งสองแบบผมม่ได้รู้สึกหรือใช้งานเลยระหว่างการทดสอบการขับขี่ แต่การมีไว้ก็ถือว่าเพื่อความอุ่นใจในความปลอดภัยในระดับหนึ่ง

นอกจากนี้แล้วมอไซค์คันนี้ยังมีระบบป้องกันรถล้มคะมำได้ เช่นหากเราขับที่ความเร็วต่ำและเหยียบเบรกอย่างแรง ระบบอิเลคทรอนิคส์จะตัดกำลังที่ส่งไปยังเบรกหน้า ซึ่งก็ดูเหมือนจะดีละครับ แต่ออกจะเป็นแนวสกู๊ตเตอร์มากไปหน่อยแล้ว แต่หากคุณต้องการยกล้อแล้วละก็ แค่ปิดระบบคุณยังจะสามารถทำได้อยู่

คลัชไฮโดรลิกส์อาจจะให้ความรู้สึกแปลกไปอีกหน่อย มันทำงานได้ดีตอนที่ลองทดสอบเล่นๆ แต่พอใช้งานจริงมันกลับรู้สึกหนักไปหน่อย

2015-MV-Agusta-Stradale-800-first-ride-dash

ทาง MV ได้มีการเปลี่ยนระบบแผงหน้าปัทว์ไปเยอะซึ่งก็แสดงข้อมูลได้อย่างเพียงพอ อ่านค่าความเร็วนั้นทำได้ง่าย แต่ปัญหาอยู่ที่การอ่านค่าความเร็วรอบเครื่องยนต์ เนื่องจากเป็นข้อมูลที่อยู่แถวล่างของจอเล็กๆ ไฟเตือนและไฟแสดงสถานะไฟเลี้ยวก็เล็กมากแทบจะมองไม่ค่อยเห็นในแสงอาทิตย์จ้า

คิดว่า MV อาจจะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้หน่อยเพราะเหมือนจะตามเทคโนโลยีมอเตอร์ไซค์ราคาสูงของยี่ห้อคู่แข่งไม่ค่อยจะทันแล้ว

ในแง่มุมของระบบอิเลคทรอนิคส์แล้วผมต้องคอมเม้นต์สิ่งหนึ่งที่รู้สึกขุ่นเคืองใจมาก นั่นก็คือปุ่มไฟเลี้ยวที่ใช้งานได้ยากมาก ปุ่มเล็กๆมันฝังอยู่ใต้ระบบแป้นสวิสท์ต่างๆทางด้านซ้าย ปุ่มมันเล็กเกินไปและตำแหน่งยกเลิกนั้นมันนูนมานิดเดียว กลายเป็นปัญหาว่าบรรดาสื่อมวลชนบีบแตรกันเป็นระยะๆ เพราะปุ่มแตรมันใหญ่หาเจอง่ายกว่าปุ่มไฟเลี้ยว หลายคนขับไปพร้อมกับไฟเลี้ยวที่ยังค้างอยู่ ที่แย่ไปกว่านั้นแม้แต่สต๊าฟของ MV อีกยังยกเลิกไฟเลี้ยวไม่ค่อยจะได้กัน

2015-MV-Agusta-Stradale-800-first-ride-switch

วิศวกร MV คนนึงพูดติดตลกว่าผมคงไม่ใช่คนที่เคยเล่นนินเทนโด้เกมส์มาก่อนแน่นอนเลยไม่ค่อยชินกับปุ่มเหล่านี้ ซึ่งเขาก็เดาถูกซะด้วยซิ ปัญหาของ MV ก็คือผมมีกำลังซื้อรถคันนี้ แต่เด็กอายุ 16 คงทำได้แค่เพียงมองรูปในหน้าเว็บแล้วฝันต่อไป MV จึงจำเป็นจะต้องออกแบบปุ่มกดที่ให้ความสำคัญกับผู้ใหญ่มากกว่า

คำถามสำคัญนั้นได้รับคำตอบแล้วตั้งแต่คืนก่อนการเปิดตัว ทาง MV จอดรถ Stradale ไว้ 3 คันหน้าโรงแรมและผมก็อดไม่ได้ที่วันรุ่งขึ้นจะลองขับไปคันนึง การวิเคราะห์ขั้นสุดท้ายนั้นจะนิยามความหมายของการขี่มอเตอร์ไซค์ไว้คือ หากคุณจำเป็นต้องไปที่ไหนซักที่คุณต้องใช้รถยนต์ แต่หากคุณต้องการไปไหนซักที่คุณต้องการมอเตอร์ไซค์ นั่นแสดงว่ามอเตอร์ไซค์ให้ความตื่นเต้นอะไรบางอย่างกับเรานั่นเอง

มอเตอร์ไซค์ MV Agusta Stradale นั้นสูงซึ่งก็มีทั้งดีและไม่ดี ตัวผมก็ไม่ถึงกับสูงมาก การขับขี่ด้วยรองเท้าบูทนั้นสำหรับผมนั้นกำลังเหมาะพอดี แต่ก็ยังมีตัวเลือกเบาะนั่งที่ต่ำลง 20 มม หรือราว 1 นิ้ว แต่ก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มต่างหาก

2015-MV-Agusta-Stradale-800-first-ride-seat

เบาะนั่งนั้นกว้างกว่าเจ้า Rivale รุ่นใกล้เคียงของ Stradale ซึ่งทุกอย่างก็ดูเหมือนจะสมบูรณ์แล้วหากทางคนออกแบบที่ MV ไม่ตัดสินใจใส่อะไรรูปล่างสามเหลี่ยมตรงท้ายเบาะตรงตำแหน่งที่กระดูกสันหลังแตะเบาะพอดี นั่นทำให้แทนที่จะโยกตัวได้บ้างเล็กน้อยเพื่อเปลี่ยนท่านั่งขับ โดยเฉพาะเวลาขับไปไกลๆ ตอนนี้โลโก้ MV เหมือนจะพยายามแทรกตัวเข้ามาในก้นอีกด้วย ใครชอบบ้างไม่รู้ แต่ผมไม่ชอบเลย

ในส่วนของตัวถังรถ การออกแบบทำให้ได้ระยะระหว่างล้อที่ 57 นิ้ว ทำให้การขับขี่รู้สึกเป็นธรรมชาติมากในการขับแนวครุยเซอร์ และเลี้ยวได้ดีในความเร็วระดับสปอร์ท

เอามอไซค์คันนี้ไปลงสนามทดสดสอบจะพบว่ากันสะเทือนที่มีระยะยุบตัวมากนั้นจะทำงานหนัก ล้อหน้าดำดิ่งลงไปมากและมอเตอร์ไซค์คันนี้แทบจะเหมือนสปอร์ทไบค์ ถือเป็นผลงานชิ้นอีกของวิศวกรของ MV ที่สามารถทำรถให้ได้ผลลัพธ์ออกมาแบบนี้

กันสะเทือนล้อหน้าของ Marzocchi ที่มีระยะยุบตัวหกนิ้วและโช้คหลังของ Sachs นั้นปรับค่าได้ทั้งสองอย่าง จานเบรกหน้าแบบคู่ขนาด 320 มม พร้อมคาลิบเปอร์ Brembo แบบสี่สูบ พลังเบรกที่ได้ก็ถือว่าเหลือเฟือและใช้งานง่ายเช่นกัน

ปลายท่อเก็บเสียงของ stradale ถือว่าทำมาดี ให้เสียงเพราะพริ้งแต่ก็ไม่ถึงกับดังมากนัก เนื่องจากมอเตอร์ไซค์ Stradale คันนี้เป็นของ MV ผมเลยกะเล่นมันเต็มที่ในช่วงบ้าย โดยใส่เฉพาะเกียร์ 2 และเกียร์ 3 วิ่งที่ความเร็วระหว่าง 80 กม/ชม และ 120 กม/ชม ที่ความเร็วขนาดนี้และเครื่องยนต์ปั่นไปที่ราวๆ 9000 ถึง 10000 รอบ ลูกสูบทั้งสามตัวขนาด 79 x 54.3 มม ถือว่าเป็น MV ของจริง วิ่งไปๆ หยุดๆ ก็ไหลลื่นได้ดี

จะว่าไปแล้วก็เหมือนมีมอไซค์ scooter พร้อม sportbike ในคันเดียวกัน ทุกอย่างลื่นไหลไม่ติดขัดพร้อมกับความแรงที่ออกแนวสปอร์ท ส่วนข้อตำหนิติติงก็คงมีอยู่บ้างอย่างเช่น ถังน้ำมันที่รู้สึกว่าเล็กเกินไป จุน้ำมันได้เพียง 4 แกลลอน ทำให้ต้องเติมน้ำมันบ่อยขึ้น การทดสอบครั้งนี้จึงมีการเติมน้ำมันให้จากทาง MV อยู่เรื่อยๆ เพราะคงไม่มีอยากไปติดอยู่บนเขาและน้ำมันหมดหรอกนะครับ

2015-MV-Agusta-Stradale-800-first-pannier

ในแง่ของการบรรทุกสัมภาระแล้วมอเตอร์ไซค์คันนี้จะมีกระเป๋าข้างมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งดูสวยและเข้ากันได้ดีกับสไตล์ของ MV คันนี้ เสียอย่างเดียวมันใส่หมวกกันน้อคไม่ได้ เลยคิดไม่ออกว่าทำไมทาง MV Agusta ถึงทำกระเป๋าข้างมาขนาดแค่นี้ หรือว่าต้องการความเพรียวลมก็มิทราบ ถ้าจะให้เพรียวลมจริงๆ ผมว่าเอากระเป๋าข้างออกไปซะดีกว่า

โดยภาพรวมแล้วหากคุณต้องการมอเตอร์ไซค์ที่สวย พลังแรง ขับง่ายแล้วละก็ MV Agusta Stradale 800 คันนี้คงจะเหมาะมากสำหรับคุณ

ที่มา motorcycle-usa.com

Advertisment

8,586 views