CBR500R รีวิวมอเตอร์ไซค์ กับการขับขี่สามสัปดาห์
รีวิวการขับขี่มอเตอร์ไซค์ CBR500R สามสัปดาห์
มอเตอร์ไซค์ CBR500R นั้นได้รับการกล่าวขานถึงกันมากในหมู่นักบิดคนไทย ก๋อนหน้านี้ทาง Mocyclover ก็ได้นำรีวิวมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้มาให้อ่านกันบ้างแล้วสำหรับ CBR500 อ่านรีวิวมอเตอรไซค์ CBR500 ได้ที่นี่ คราวนี้เป็นการนำรีวิวของการขับขี่จากฝั่งนักทดสอบชาวอังกฤษกันนะครับ ซึ่งจะมีการทดสอบมอเตอร์ไซค์แบบระยะยาวจากหลายๆรุ่นที่จะนำมาเสนอ
ผลเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงในกฏเกณฑ์เรื่องใบอนุญาติการขับขี่ของฝั่งยุโรป ที่ขื่อว่า A2 นั้นทำให้บริษัทผู้ผลิตหันมาตื่นตัวกันมากขึ้น ความหมายของ A2 คือในอนุญาติสำหรับกลุ่มมอเตอร์ไซค์ที่มีแรงม้าที่เท่ากับหรือต่ำกว่า 47 bhp (British Horse Power) และตัวเลข 0.26bhp ต่อกิโลกรัม ถือเป็นมอเตอร์ไซค์ที่ใหญ่ที่สุดแล้วที่นักบิดอายุ 24 ในอังกฤษสามารถขับขี่ได้ (ในอังกฤษอายุ 25 ขึ้นไปถือว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว และมีความรับผิดชอบสูง ค่าประกันภัยต่างๆถูกลง)
อย่างไรก็ตามตัวเลขเหล่านี้อาจจะดูไม่ตื่นเต้นมากนักหากคุณเป็นคนที่ขี่มอเตอร์ไซค์คันใหญ่อย่าง BMW S1000RR ไปทำงานเป็นประจำอยู่แล้ว แต่หากเรามามองในกลุ่มนี้อย่าลืมว่า Yamaha ก็มีรุ่น RD350LC ซึ่งเป็นขนาด 47bhp และไม่มีใครบ่นว่าแรงม้าไม่พอขับไม่มันส์แต่อย่างใด
กฏเกณฑ์เรื่อง A2 นี้ทำให้เปิดช่องในการพัฒนามอเตอร์ไซค์ในกลุ่มนี้ที่ถูกปิดมานาน นั่นคือในกลุ่มมอเตอร์ไซค์ขนาดระหว่าง 125cc และ 600cc ซึ่งเมื่อทาง Brussels ได้ตัดสินใจเปิดช่องให้ผู้ผลิตสามารถผลิตมอเตอร์ไซค์ในช่วงนี้ออกมาวางตลาดยุโรปได้ทำให้ผู้บริษัทผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์ต่างก็เริ่มทยอยออกไลน์การผลิตมอเตอร์ไซค์ในกลุ่มนี้กันมากขึ้น บางบริษัทก็จะออกแนวอนุรักษ์นิยมหน่อยในการแปลความหมายกฏใหม่นี้ BMW ก็คิดว่าตัวเลขนี้คือน้ำหนักแห้ง เลยมีรุ่น G650GS เลยออกมาในอัตราส่วนกำลังต่อน้ำหนักที่เป้ะๆ อยู่ที่ 175 กิโลกรัม บางบริษัทคิดว่าเป็นน้ำหนักเปียกซึ่งทางหน่วยงานของรัฐก็บอกว่าได้ ดังนั้น KTM ที่เป็นไปตามกฏ A2 อย่าง Duke 390 ก็ได้แรงม้าที่ 41.5 bhp ที่น้ำหนัก 139 กิโลกรัม แต่เอาเป็นว่าผมจะขับ Duke 290 ในวันหลัง อาทิตย์ผมก็ขับมอเตอร์ไซค์คันนึงของ Honda ที่เข้าข่ายอยู่ในกลุ่มของ A2
น้ำหนักเปียกของ CBR500R อยู่ที่ 194 กิโลกรัม เรื่องเกี่ยวกับน้ำหนักมอเตอร์ไซค์นั้นปกติแล้วผู้ผลิตมักจะบอกน้ำหนักแห้ง การระบุน้ำหนักเปียกเลยทำให้รู้สึกว่ามอเตอร์ไซค์นั้นหนักกว่าความเป็นจริง สำหรับ CBR500R แล้วรู้สึกว่าเป็นมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็กทั้งในแง่ตัวรถและน้ำหนัก
แต่สำหรับราคาของคันนี้แล้วรู้สึกเหมือนว่าเป็นมอเตอร์ไซค์ที่ซับซ้อน อาทิตย์ที่แล้วผมลองขับ Continental GT ซึ่งสอดคล้องกับกฏ A2 มาแล้วซึ่งมีราคาต่างจาก CBR500R อยู่ไม่กี่พันบาท ผมให้คะแนนผลการขับขี่ที่ดีไป เพราะเป็นการยากที่จะไม่ชอบมัน แต่หากมาเทียบกับ CBR แล้วให้ความรู้สึกว่าการพัฒนานั้นต่างกันเป็นสิบปีเลยเชียว CBR นั้นให้ความรู้สึกเป็นมอเตอร์ไซค์ที่ทำได้ดี ทันสมัย ไม่สั่น เครื่องไม่ดับเมื่อเริ่มบิดคันเร่ง
ท่านั่งออกแนวสปอร์ทแต่ก็นั่งสบาย หน้าปัทว์และด้านในของแฟร์ริ่งและหน้าจอก็ดูสวยงาม ทุกอย่างดูมีคุณภาพสูง คุณอยู่กับมันและชื่นชมมันได้ตลอดเวลา ไม่เหมือนบางคันของ Honda ที่ผมเคยขับที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยตั้งใจทำเท่าไหร่อย่าง NC700D Integra เป็นต้น แบบว่าไม่ค่อยอยากจะเอ่ยชื่อสักเท่าไหร่
แต่ CBR500R นั้นไม่ได้เป็นแบบนั้น มันมีคาแรกเตอร์ของตัวเอง เครื่องยนต์แบบ parallel twin นั้นให้แรงบิดสูง อาจจะไม่สุดๆ ที่ก็พร้อมที่จะพาไปทุกที่
แรงบิดนั้นเริ่มไปได้สวยแม้ความเร็วรอบจะเริ่มต้นจาก 2000 รอบต่อนาที ไม่มีอะไรน่าประหลาดใจมากนักเมื่อเพิ่มความเร็วรอบมากขึ้น ทุกอย่างก็เป็นไปตามที่ควร เคยได้ยินบางคนถามว่า CBR500R นั้นขับสนุกไหม ก็ขอบอกว่าสนุกในการขับฝ่าการจราจรใน London ทำให้การขับขี่นั้นมีชิวิตชีวามากและทำให้อารมณ์ดีไปทั้งวัน
เท่าที่ผ่านมาแล้ว 5 วันนี้ผมก็ขับตลุยการจราจรมาใน London จากฟากหนึ่งของเมืองไปยังอีกฟากหนึ่ง เอาเป็นว่าหลังจากขับขี่ไปอีกระยะผมจะกลับมารายงานอีกรอบว่าผลเป็นยังไง ในแง่ของอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน และเรื่องอื่นๆ
ความสูงของกระจกก็ดูเหมือนจะเท่าๆกับรถยนต์ที่วิ่งอยู่กับผม ทำให้รู้สึกยากลำบากนิดนึงในการแซงรถเหล่านั้น นอกจากเรื่องนี้แล้วผมคิดว่าเป็นมอเตอร์ไซค์ที่เหมาะสมกับราคาเป็นอย่างยิ่ง แต่หากผมไปขับ Duke 390 แล้วผมจะยังคิดเหมือนเดิมหรือไม่ ก็ค่อยมาดูกัน
เรียบเรียงจาก Visordown.com
ads2