รีวิวการขับขี่มอเตอร์ไซค์ Yamaha SR400
รีวิวการขับขี่มอเตอร์ไซค์ Yamaha SR400
ผมเองนั้นชอบมอเตอร์ไซค์คันที่เก่าๆมาก ผมก็ได้เป็นเจ้าของมอเตอร์ไซค์เก่าๆมาหลายคัน แต่มักจะเซ็งกับการที่ต้องเสียเวลาและเงินไปกับการบำรุงรักษามัน เลยได้แค่หวังว่าจะมีมอเตอร์ไซค์ที่ดูเก่าๆแต่ไม่ต้องดูแลมากพร้อมกับการบริการที่ดีจากตัวแทนจำหน่ายเหมือนรถใหม่ หวังแบบนี้มานาน
ตอนนี้ความฝันก็เป็นจริงแล้วกับมอเตอร์ไซค์คันนี้ มอเตอร์ไซค์สูบเดียวระบายความร้อนด้วยอากาศ SR400 ได้มีการวางตลาดครั้งแรกเมื่อปี 1978 ในญี่ปุ่น หากไม่นับเรื่องช่วงชักของลูกสูบที่สั้นลงแล้วละก็มอเตอร์ไซค์คันนี้ก็จะเหมือนกับรุ่น SR500 ไม่ผิดเพี้ยน และรุ่น 1978 นั้นได้รับแรงบันดาลใจจาก XT500 ซึ่งออกแนวมอไซค์อังกฤษอีกด้วย
ปีนี้ทาง Yamaha ก็ได้เพิ่มรุ่น SR400 อย่างเงียบๆเข้าไปในกลุ่มมอเตอร์ไซค์ที่จะวางจำหน่ายในอังกฤษเพื่อจะเข้าไปแย่งตลาดในกลุ่มที่ชื่นชอบมอเตอร์ไซค์แนวเก่าๆและแนวเรโทร ด้วยเพราะกล่ม Cafe racer เองก็มีจำนวนไม่น้อย เพื่อเป็นการยืนยันความตั้งใจในการเจาะตลาดกลุ่มนี้ ทาง Yamaha ก็มาพร้อมกับการตลาดที่จะ Built to Customise หรือผลิตมาแบบเฉพาะเจาะจงสำหรับลูกค้าแต่ละราย พร้อมทั้งได้สนับสนุนนักแต่งรถให้สร้างมอเตอร์ไซค์ตามแนวคิดของตัวเองได้ด้วย
ที่ผมพูดว่าทาง Yamaha ค่อยๆเปิดตัวอย่างเงียบๆ นั่นก็เพราะว่าสื่อมวลชนไม่ได้มีโอกาสไปลองทดสอบการขับขี่ได้ตามงานแถลงข่าวแบบทั่วๆไป จะเป็นก็เพียงแค่มีการประกาศตัวมอเตอร์ไซค์ออกมาแล้วอยู่ๆก็มาโผล่ที่ตัวแทนจำหน่ายเลย ทาง Yamaha ดูเหมือนว่าอยากจะให้หน้าตาของมันดึงดูดให้คนซื้อมากกว่าจะเอารีวิวมาเป็นจุดขาย ถ้าคุณไม่เห็นความสวยของมันคุณก็ไม่รู้หรอกว่ามันดึงดูดขนาดไหน เพราะหากให้อ่านรีวิวเดี๋ยวจะเกิดการโน้มน้าวมากเกินไป
สำหรับผมแล้วเห็นมอเตอร์ไซค์ SR400 คันนี้แล้วรู้สึกเหมือนย้อนเวลาไปจริงๆ ผมอาจจะหันไปสะสมมอเตอร์ไซค์รุ่นปี 1979 แทนที่จะเป็นรุ่นปี 2014 นี้แน่หากเจ้าตัวนี้ไม่มีระบบหัวฉีดและดิสก์เบรกมาให้
ทุกรายละเอียดตั้งแต่บังโคลนจนไปถึงล้อซี่ แผงหน้าปัทว์กลมๆ สวิทส์ที่แฮนด์นั้นดูเหมือนมอเตอร์ไซค์รุ่นโบราณแทบทุกกระเบียดนิ้ว เบาะนั่งเดี่ยวนั้นสามารถถอดได้โดยการคลายน๊อตสองตัวไม่ใช่แค่เพียงบิดลูกกุญแจ แต่ความจริงแล้วเราก็คงไม่ถึงกับถอดเบาะออกบ่อยนักหรอก เพราะตรงนั้นไม่ได้มีที่เก็บสัมภาระ หรือพูดง่ายๆก็คือไม่มีซักที่ให้เก็บสัมภาระหรอกครับกับรถ SR400 คันนี้ โดยกล่องเครื่องมือจะอยู่หลังฝาปิดที่อยู่เหนือที่วางเท้า
ชิ้นส่วนโครเมื่ยมแท้เต็มทั้งคันทั้งไฟหน้า แผงหน้าปัทว์ กระจกมองหลัง และไฟเลี้ยว ส่วนที่ดูเหมือนเป็นโครเมี่ยมปลอมๆทำจากพลาสติคก็เป็นเพียงส่วนที่หุ้มโซ่เท่านั้น
ยางรถเป็น Metzeler Perfect ME77s ด้วยดอกยางลายเก๋าเช่นกัน และที่สำคัญรถคันนี้ไม่มีสตาร์ทไฟฟ้านะครับ มีคนบอกผมแล้วตั้งแต่แรก แต่ตอนมาเจอรถตัวเป็นๆกลับลืมไปซะงั้น เหมือนจะตะลึงกับรถจนลืมประเด็นนี้ไป ผมเติบโตมากับรถมอเตอร์ไซค์ที่สตาร์ทด้วยเท้า แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นแบบสองจังหวะ ไม่เคยได้ลองสตาร์ทเครื่องยนต์สี่จังหวะซะที สุดท้ายผมต้องให้ทางตัวแทนจำหน่ายสตาร์ทรถให้ผม
จะว่าไปแล้วจริงๆก็สตาร์ทง่ายมาก มันจะมีช่องให้มองตรงฝาวาล์วด้านขวา เหยียบคันสตาร์ทจนเห็นโลหะมันวาวโผล่มาในช่องนั้น ซึ่งจะหมายถึงว่าลูกสูบอยู่ตำแหน่งที่เหมาะสมแล้ว แต่ท้ายที่สุดแล้วเจ้าของมอเตอร์ไซค์ SR คันนี้ไม่จำเป็นต้องดูช่องนี้ทุกครั้งหรอกครับหลังจากคุ้นชินกับมัน
จากนั้นก็แค่ดึงและปล่อยคันปล่อยแรงอัดและก็เริ่มสตาร์ทรถ แล้วก็ทำกระบวนการเดิมซ้ำๆหลายรอบโดยไม่ลืมที่จะบิดกุญแจเปิดไว้ด้วนนะครับ โชคดีที่เครื่องติดครั้งแรกที่ลองไม่ต้องถึงกับเหงื่อตกกับมัน
การสตาร์ทรถแบบนี้ถือเป็นสิ่งที่ชวนให้น่าลองอันนึง การติดเครื่องยนต์แบบนี้เหมือนจะซับซ้อนพิกล แต่เมื่อเริ่มคุ้นชินแล้วละก็ผมก็รู้สึกสนุกกับมัน และให้ความรู้สึกเทห์ดีที่คนข้างๆจะมองว่ากำลังทำอะไรอยู่
การขับขี่มอเตอร์ไซค์ SR คันนี้เหมือนย้อนไปในอดีตเลยทีเดียว แม้ว่าเบรกหน้าแบบจานและด้านหลังแบบดรัมจะดูเหมือนมีพลังเบรกมากกว่าในอตีต แต่มันก็ให้พลังหยุดที่เพียงพอที่จะทำให้เราหยุดได้อย่างมั่นใจ
ตะเกียบหน้าและโช้คนั้นก็ใช้ได้ดีแต่นุ่มในบางครั้งเมื่อระบบกันสะเทือนหลักพยายามทำหน้าที่ให้ถนนดูราบเรียบ แต่ไม่ถึงกับให้คุณได้ลองความสามารถการยึดเกาะถนนได้เท่าไหร่ โดยรวมแล้วถือว่ามันทำงานได้ดี มอเตอร์ไซค์ SR400 คันนี้ไม่ถึงกับดำดิ่งสุดๆกับหลุมใหญ่ๆ แต่ก็นิ่มนวล แม้คนน้ำหนักเยอะจะนั่งลงบนมอเตอร์ไซค์คันนี้ที่จอดนิ่งก็จะทำให้โช้คทั้งหน้าหลังยุบตัวได้พอประมาณ
เครื่องยนต์อาจจะไม่มีอะไรน่าสนใจมากมายตั้งแต่ความเร็วรอบ 2,000 ถึงสูงสุดที่ 7,000 รอบต่อนาที เนื่องจากแรงบิดสูงสุดที่ 20.2 ปอนด์ฟุต นั้นอยู่ที่รอบต่ำ 3,000 รอบต่อนาที และกำลังสูงสุดที่ 23.2 แรงม้านั้นอยู่ที่ 6,500 รอบต่อนาที
ดังนั้นที่ช่วง 3,000 ถึง 5,000 รอบต่อนาทีนั้นถือว่าเป็นช่วงที่ขับขี่ได้สนุกที่สุด สูงกว่านั้นก็จะสั่นมากไป ตลอดช่วงความเร็วรอบจะได้ยินเสียงสั่นพอประมาณเหมือนเสียงหมุนเร็วๆของล้อจักรยาน ซึ่งจะเป็นแบบนั้นไปจนถึงความเร็วราว 65 กม/ชม สูงกว่านั้นเสียงเครื่องยนต์ดูเหมือนจะไม่เหมาะสมกับคาแรคเตอร์ของมัน ที่ความเร็วสูงกว่านั้นอีกก็พอไหวการเร่งเครื่องก็ตอบสนองได้ดี
ที่ความเร็ว 130 กม/ชม ก็ยังขับได้ลื่นไหลเข็มรอบจะแตะต่ำกว่า 6,000 รอบต่อนาที แต่จะให้ไปเร็วกว่านั้นก็ลำบากนิดนึง แต่ก็อย่างว่าแหละมอเตอร์ไซค์คันนี้ไม่ใช่ไว้สำหรับการลงแข่งที่ไหน มันเหมาะสำหรับการขับขี่แบบสบายอารมณ์เสียมากกว่า
สำหรับผมแล้วถือว่ามอเตอร์ไซค์ Yamaha SR400 คันนี้นั้นมีสไตล์ง่ายๆ สบายๆ ธรรมดา เหมาะสำหรับการขับขี่ไปในย่านชนบทแล้วดึ่มด่ำกับธรรมชาติ มากกว่าที่จะเอาไปวิ่งในเมืองที่จอแจ
ปัญหาเดียวที่เห็นก็คงเป็นเรื่องราคา ในอังกฤษนั้นวางขายที่ 5,199 ปอนด์ หรือราวๆ 260,000 บาท เพิ่มเงินอีก 7,500 บาทก็ซื้อ Yamaha MT-07 ได้แล้ว หรือจะไปซื้อ Suzuki SV650S ราคาก็ต่ำกว่านี้อยู่หมื่นนึง พูดถึงประเด็นนี้แล้วคนที่จะมองหา SR400 นั้นคงต้องคิดหนักว่าจะเอามอไซค์ย้อนยุคหรือมอเตอร์ไซค์ยุคปัจจุบันดี ต้องคิดมากๆหน่อย
บางทีราคาขนาดนี้อาจจะเพราะต้องจ่ายให้กับค่าโครเมี่ยมเงาวับ แต่ผมก็ยังหวั่นๆอยู่ เพราะคันที่ผมขับนี้วิ่งได้ราวๆ 2,000 กม แต่เริ่มเห็นรอยสนิมตรงใต้บังโคลนกันแล้ว
นอกจากนี้แล้วมอเตอร์ไซค์คันนี้ดูเก่า ไม่ใช่แนวคลาสสิคนะครับมันดูเป็นมอเตอร์ไซค์เก่าๆจริงๆ น้อตบางตัว สีบางตำแหน่งเหมือนจะลอกๆ คิดว่าถ้าใช้ไปอีกซักปีนี่จะเกิดอะไรขึ้น ที่รู้สึกผิดหวังไปอีกนิดก็คงเป็นตรา Yamaha บนถังน้ำมันกลับกลายเป็นสติกเกอร์ไปเสียนี่
Yamaha SR 400 เสป็คอย่างย่อ
Power: 23.2hp @ 6,500rpm
Torque: 20.2lbft @ 3,000rpm
Wet weight: 174kg
Fuel economy : 63.8mpg
Tank capacity: 12 litres
Seat height: 785mm
Colours: Matt grey, black
ที่มา Visordown.com
ads2