ล่าสุด

2015 Ducati Diavel รีวิวการขับขี่มอเตอร์ไซค์ First Ride

2015-Ducati-Diavel-First-Ride

2015 Ducati Diavel รีวิวการขับขี่มอเตอร์ไซค์ First Ride

หลังจากมีข่าวคราวการเปิดตัวมาตั้งแต่งาน EICMA เมื่อปลายปีที่แล้ว ต่อมาก็มีการเปิดตัวกันอย่างคึกคัก และตอนนี้ก็ถึงคราวของมอเตอร์ไซค์ 2015 Ducati Diavel ที่จะได้รับการทดสอบซะที เรามาดูกันนะครับว่ามอเตอร์ไซค์แนว power cruiser ที่ห่อหุ้มไปด้วยคาร์บอนไฟเบอร์คันนี้จะเป็นอย่างไร

นับตั้งแต่มีการเปิดตัวรุ่น Diavle ตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา ทาง Ducati ก็ได้จำหน่ายรุ่นนี้ไปแล้วเกือบ 20,000 คัน ซึ่งคงเป็นข้อพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่า แม้มันจะเป็นมอเตอร์ไซค์แหวกแนวรถ cruiser ไปบ้าง แต่ก็ได้รับความสนใจจากนักบิดที่ต้องการมากกว่าเครื่องยนต์ใหญ่ๆและเบาะนั่งสบายๆเพียงอย่างเดียว

เราเองก็เป็นแฟนของ Diavel มาตั้งแต่ตอนแรกที่เราได้ตวัดขาขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์คันนี้ เราเคยแม้กระทั้งให้รางวัลการเป็นมอเตอร์ไซค์ Cruiser แห่งปี สำหรับปี 2011 และ 2012 สำหรับปี 2015 นี้ทาง Diavel ได้มีการปรับโฉมขึ้นมาและได้เชิญสี่อมวลชลจากทั่วโลกมาที่เมือง โมนาโค เพื่อจะได้ทดลองขับกัน ใครเล่าจะกล้าปฏิเสธการไปเยี่ยมเยียนเมืองที่เต็มไปด้วยเศรษฐีแบบนั้นและพร้อมที่จะไปบิดคันเร่งให้กระหึ่มกับมอเตอร์ไซค์ที่เราชื่นชอบ

สิ่งที่โดดเด่นที่สุดสำหรับ 2015 Diavel ก็คงเป็นไฟหน้าแบบ LED ที่ติดตั้งอยู่ในกรอบอลูมิเนียมสีเข้ม ไม่เพียงแค่ประสิทธิภาพการส่องสว่างเท่านั้นที่โดดเด่น แต่รูปแบบการจัดวางยังทำให้หน้าตาดูดุดันขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีไฟเลี้ยว LED ที่จัดวางในแนวดิ่งตรงบริเวณแผงระบายความร้อนที่ได้รับการออกแบบมาใหม่ และมีแผ่นตีลมขนาดเล็กที่ติดตั้งกับแคล้มของแฮนด์รถ ท่อไอเสียตอนนี้ก็เป็นแบบท่อคู่ซึ่งเผยให้เห็นสวิงอาร์มด้านเดียวของล้อหลังให้ชัดเจนขึ้น แม้โดยรวมแล้วจะดูไม่ต่างจากรุ่นเก่ามาก แต่ก็ทำให้รู้สึกว่าเป็นมอเตอร์ไซค์ที่หล่อกว่าเดิมมาก

มอเตอร์ไซค์ Diavel นั้นมาพร้อมสองตัวเลือกคือ แบบมาตรฐานที่ราคา $17,995 เป็นแบบสีเดียวคือดำเข้ม และแบบรุ่น Carbon Edition ที่มีให้เลือกทั้งแบบ Red Carbon sinv Star White Carbon ที่ราคา $20,995 หรือเพิ่มอีกเกือบแสนบาท เราได้ลองขับรุ่น Carbon ซึ่งชิ้นส่วนตัวรถจะเป็น Carbon ล้อ Marchesini และท่อเก็บเสียงแสตนเลส ด้วยชิ้นส่วนคาร์บอนนี้ทำให้รุ่นมีน้ำหนัก 516 ปอนด์ ซึ่งจะน้อยกว่ารุ่นธรรมดาอยู่ 11 ปอนด์

2015-Ducati-Diavel-First-Ride-2

แม้ว่าสไตล์ภายนอกดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ชัดเจนที่สุดที่เกิดการเปลี่ยนแปลงสำหรับ 2015 Diavel แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คงจะเป็นเรื่องของเครื่องยนต์ Testrastretta 11 DS L-Twin โดยคำว่า DS หมายถึง Dual Spart ซึ่งก็คือการใช้หัวเทียนสองหัวต่อหัวสูบเพื่อให้เกิดการเผาไหม้ที่สมบูรณ์และมีประสิทธิภาพสูงมากขึ้นในช่วงเวลาที่สั้นลง วิศวกรของ Ducati ได้เพิ่มอัตราส่วนของแรงอัดเป็น 12.5:1 และได้ได้มีการปรับตำแหน่งหัวฉีดใหม่ให้ฉีดน้ำมันไปยังบริเวณช่องวาล์วไอดีที่กำลังร้อน เพื่อให้ได้เครื่องยนต์ที่มีความนิ่มนวลที่รอบต่ำและยังเพิ่มแรงบิดขึ้นถึง 4.5% แรงม้าสูงสุดของเครื่องยนต์ก็อยู่ที่เดิมคือ 162 แต่ได้ออกมาที่รอบต่ำกว่าเดิมเล็กน้อยคือที่ 9,250 รอบต่อนาที

ส่วนที่มีการปรับปรุงเพิ่มเติมสำหรับการสื่อสารกับผู้ขับขี่ก็คงเป็นจอ TFT ที่แสดงผลระดับน้ำมันและไฟแสดงผลที่ติดตั้งบนถังน้ำมัน เบาะนั่งก็ได้มีการปรับรูปร่างใหม่ให้มีความสะดวกสบายมากขึ้นด้วยการเพิ่มพี้นที่ ช่วงระยะเวลาในการเข้าศูนย์บริการก็ได้มีการเพิ่มเป็น 18,000 ไมล์

โอกาสแรกที่ได้ลองขับ 2015 Diavel ก็เป็นถนนที่จะขับไปงานเลี้ยงอาหารเย็นผ่านถนนในเมือง Monte Carlo ไปตามเส้นทางที่เขาแข่งรถสูตรหนึ่งกัน ผมได้ลองขับโหมดแรกจากสามโหมดที่มีให้เลือกซึ่งก็คือ Urban (ในเมือง) การตอบสนองต่อคันเร่งของ ride-by-wire และกำลังของเครื่องยนต์จะถูกจำกัดไว้แค่เพียง 100 แรงม้าเพื่อให้สามารถควบคุมได้ดีสำหรับการขับขี่ในเมือง ระบบ Ducati Traction Control (DTC) นั้นตั้งไว้ทีค่าปกติจากโรงงานคืออยู่ที่ค่า 5 จากทั้งหมด 8 ค่า และแม้จะบิดคันเร่งดุดันเพียงใดก็ไม่ทำให้ล้อหลังไถลแต่อย่างใด แต่การทำงานของระบบ DTC นั้นสามารถรู้สึกได้อยู่บ้าง โดยรวมแล้วการตั้งค่านั้นเหมือนได้รับการปรับแต่งมาอย่างดีสำหรับการใช้งานในภาวะฝนตกหรือการขับในเมืองที่จอแจไปด้วยรถราราคาแพง

เช้าถัดมาผมก็มุ่งหน้าไปยังหุบเขาและได้มีโอกาสที่จะลองบิดเจ้า Ducati Diavel อย่างเต็มที่ในโหมด sport และ touring โดยโหมด touring นั้นจะให้แรงม้าออกมาเต็มที่ที่ 162 แรงม้า แต่การตอบสนองต่อ DTC นั้นจะอยู่ในระดับกลางๆที่เลข 3 การตั้งค่าแบบนี้เหมาะสำหรับหลายๆสถานการณ์ แต่ด้วยความสัตย์จริงแล้วผมขับอยู่ที่ค่านี้เพียงแป้บเดียว โหมด Sport ดูเหมือนจะเย้ายวนใจมากกว่า

ในโหมด Sport นั้นระบบ DTC จะอยู่ที่ค่าต่ำสุดคือระดับ 1 และกำลังทั้งหมดก็จะถูกปลดปล่อยเพื่อให้การตอบสนองสูงสุด ตรงนี้แหละที่เป็นสิ่งที่ทาง Ducati ทำให้เส้นแบ่งระหว่างการเป็น cruiser standard และ sportbike นั้นไม่ค่อยชัดเจน ด้วยพลังเครื่องยนต์แทบทะลักล้นออกมา ยางหน้านั้นตะกายไปบนท้องฟ้าหลังเลยโค้งมาและแขนของคุณนั้นยืดเต็มที่ด้วยภาพข้างทางที่เริ่มจะเลือนๆไปด้วยความเร็ว มอเตอร์ไซค์ cruiser คันอื่นๆก็คงจะถูกทิ้งห่างไม่เห็นฝุ่นเมื่อ Ducati Diavel คันนี้ทยานไปข้างหน้าและจะทำให้คนขับรถ sportbike เริ่มหันมามอง การตอบสนองของคันบิดนั้นแม่นยำอย่างเหมาะเจาะแต่ก็ไม่ถึงกับกระตุก

เส้นทางที่ได้มีการกำหนดให้วิ่งนั้นมีทั้งเส้นทางขึ้นลงเขาซึ่งจะทำให้เจ้ามอเตอร์ไซค์แนว cruiser ไม่ว่าจะแบบเก่าหรือแบบเครื่องแรงต้องเล่นกันหนักกับโค้งสูงชันโค้งแล้วโค้งเล่าละครับ และแน่นอนว่ามอเตอร์ไซค์ Diavelคันนี้แปลงร่างจากมอเตอร์ไซค์ที่ขับแบบสบายๆมาเป็นมอไซค์ทรงพลังที่พร้อมรับทุกโค้ง แม้ยางที่ให้มาจะหน้ากว้างขนาด 240 มม Pirelli Diablo Rosso II ก็ตาม ก็ยังเข้าโค้งได้ดีแค่ให้ความรู้สึกหนักเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเวลาที่ความเร็วของรถต่ำลงด้วยเพราะโค้งหักศอก เมื่อขับได้เร็วขึ้นทึกอย่างก็จะดูเป็นธรรมชาติและให้ความมั่นใจได้เต็มร้อย ระยะห่างจากพื้นในการเข้าโค้งนั้นถือว่าเยี่ยมยอดสำหรับมอเตอร์ไซค์แนว cruiser และถือว่าดีเมื่อเทียบว่าเป็นมอเตอร์ไซค์แนว streetfighter มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่ผมขับแล้วที่วางเท้าครูดไปกับพื้น

ตะเกียบหน้าขนาด 50 มม Marzocchi และโช้คหลัง Sachs นั้นสามารถปรับค่าได้และสามารถรองรับถนนที่อาจจะไม่สมบูรณ์แบบด้วยความนิ่งและรองรับแรงกระแทกได้ดี ขับขี่ทั้งวันไปด้วยความสะดวกสบายที่ให้ความรู้สึกถึงความเป็นสปอร์ทได้ดี

2015-Ducati-Diavel-First-Ride-3

ประสิทธิภาพในการเบรกนั้นดีเกินกว่าที่จะเป็นมอเตอร์ไซค์แนว cruiser ด้วยซ้ำ และยังออกแนว superbike ที่มาพร้อมกับเบรก Brembo แบบ Monoblock การตอบสนองต่อก้านเบรกนั้นสุดยอดโดยการจับเบรกนั้นส่งผ่านแรงจากปลายนิ้วไปยังจานคู่หน้าขนาด 320 มม ด้วยความรู้สึกถึงการเชื่อมโยงที่ดี ส่วนเบรกหลังนั้นอาจจะให้ความรู้สึกในการตอบสนองที่ด้อยกว่าเบรกหน้าแต่ก็ยังดีกว่าคันอื่นๆในตลาดมาก การทำงานของระบบ ABS ก็ไม่ถึงกับน่ารำคาญและมันต้องการแรงขยำเบรกที่หนักๆหรือการไถลมากๆมันถึงจะทำงาน และเมื่อใดที่มันทำงานคุณก็จะพอใจกับมันมากที่สามารถหยุดรถภายใต้การควบคุมของคุณทุกจังหวะ หากอยากเล่นอะไรพิเรนฑ์แล้วละก็คุณสามารถปิดระบบ ABS ได้อย่างง่ายๆแค่กดปุ่มเพียงไม่กี่ปุ่มผ่านระบบเมนู แต่สำหรับผมแล้วเห็นว่าไม่จำเป็นต้องปิดมันหรอกหลักจากขับแล้วไถลไปสองสามครั้ง

การนั่งขับไปบนเบาะเป็นเวลาทั้งวันนั้นก็ไม่ได้ส่งผลให้เบาะเปลี่ยนรูปแต่อย่างใด และแผงหน้าปัทว์ก็มีการจัดวางมาอย่างดี พื้นที่ขาก็โอเค ไม่ถึงกับคับแคบด้วยแป้นเหยียบที่อยู่ด้านล่างผู้ขับขี่ แฮนด์ก็กว้างพอที่จะขับขี่ได้อย่างสบายๆโดยไม่ต้องเสียประสิทธิภาพของรถไม่ว่าจะขับที่ความเร็วเท่าใด

ตอนขากลับเราก็ลองขับรอบสุดท้ายที่ Monte Carlo สร้างจุดเด่นให้เป็นที่ฉงนทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวละแวกนั้นด้วยเสียงมอเตอร์ไซค์กระหึ่มพร้อมหน้าตาที่หล่อขรึม แต่สุดท้ายแล้วผมเองที่ประทับใจกับมันมากที่สุด ไม่ว่าจะพลังเครื่องยนต์ การขับขี่ ความสบาย ซึ่งสำหรับมอเตอร์ไซค์แนว cruiser แล้วคิดว่าคงหาใครมาแข่งได้สูสีได้ยาก แถมหน้าตาดุดันแบบนี้และเครื่องยนต์ที่ไหลลื่นกว่าเดิมก็นับได้ว่า Ducati Diavel นั้นทำได้ดีสำหรับรุ่นปี 2015 นี้

เรียบเรียงจาก motorcycle-usa.com

ads2

Advertisment

14,475 views