รีวิวมอเตอร์ไซค์ 2014 Lauge Jensen
รีวิวการขับขี่มอเตอร์ไซค์ Lauge Jensen 2014
วันนี้ mocyclover จะขอนำรีวิวมอเตอร์ไซค์ที่ชื่อประหลาดๆ บ้างนะครับ Lauge Jensen นี้อ่านว่า ลา โอว์ กุฮ์ เย็นเซ็น นะครับเพราะมาจากประเทศเดนมาร์ค ซึ่งเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงในเรื่องเบคอน เลโก้ เบียร์คาลส์เบิกร์ เป็นประเทศแนวอนุรักษ์นิยมที่ประชากรมีอิสระเสรี กินเบอเกอร์ชิ้นใหญ่ ชอบมอเตอร์ไซค์แบบลายเส้นสวยงามอย่างฮาร์เลย์
จึงถือว่าน่าแปลกใจนิดหน่อยที่ประเทศอนุรักษ์นิยมอย่างเดนมาร์คจะเป็นผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์ลาโอกุร์ ซึ่งเป็นการผลิตแบบ custom made ไม่ได้เข้าสายการผลิตแบบเจ้าอื่นๆเขา
รถมอเตอร์ไซค์ของ Lauge จะมีแค่รุ่นเดียวเท่านั้นแต่ก็นั่นแหละแต่ละคันที่ออกมาจะไม่เหมือนกันเลย เพราะเป็นการสร้างด้วยมือตามคำสั่งซื้อเท่านั้น เจ้าของสามารถสั่งได้เลยว่าอยากได้อะไรหรือไม่อยากได้อะไร อยากให้ออกมาแบบไหนก็ได้
แน่นอนว่าหากคุณมองแบบผ่านๆ อาจจะต้องคิดว่าคงเป็นรถมอเตอร์ไซค์แนว cruiser จากอเมริกาอีกคันหนึ่งแน่ แต่อย่าให้รูปลักษณ์ของตะเกียบหน้าและเครื่องยนต์แบบ V-Twin ลวงตาคุณให้คิดแบบนั้น เพราะแม้รูปแบบของมอเตอร์ไซค์จะดูคล้ายๆของอเมริกันแต่เมื่อมามองในรายละเอียดแล้วจะพบว่าจะไม่เหมือนมอเตอร์ไซค์คันไหนเลย เริ่มจากคาลิบเปอร์ที่ทำมาขึ้นมาเฉพาะ ไปจนถึงเส้นทางของท่อที่ออกมาจากเครื่องยนต์ หรือแม้แต่เส้นสายจากถังน้ำมันที่จะไปจบกับเบาะนั่ง
ถามว่าสวยหรือเปล่า อันนี้ก็แล้วแต่ความชอบ ได้สัดส่วนของมอเตอร์ไซค์ที่ควรจะเป็นหรือไม่ คุณาจจะคิดว่าไม่ แต่เราอาจจะไม่เห็นด้วยกับคุณ
ฝันจะเป็นบริษัทของเดนมาร์คเจ้าเดียวที่ผลิตมอเตอร์ไซค์ระดับโลก
คนที่อยู่เบื้องหลังมอเตอร์ไซค์ Lauge Jensen คันนี้ก็คือคุณ Uffe Lauge Jensen ชื่อก็น่าจะดูเป็นแนวๆเดียวกับ Erik Buell นั่นแหละครับ ผมเคยพบเจอผู้คนหลากหลายที่อยู่เบื้องหลังมอเตอร์ไซค์ที่ดีที่สุดหรือยี่ห้อที่ดีที่สุดในโลก แต่น้อยคนนักที่จะมีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ ซึ่งนาย Uffe ก็ถือว่าเป็นคนพิเศษคนหนึ่งเลยทีเดียว
คุณ Uffe เริ่มก่อตั้ง Lauge Jensen เมื่อปี 2004 และเขามุ่งมั่นตั้งใจทำมาเกือบ 10 ปีแล้วที่จะสร้างบริษัทผลิตมอเตอร์ไซค์ที่เป็นที่รู้จักกันระดับโลก อันเป็นเพียงบริษัทเดียวของประเทศนี้ นอกจากความเก่งกาจ ความมุ่งมั่นแล้ว เขายังมีพื้นฐานความรู้ด้านวิศวกรรมมาก่อน และเคยทำงานในหลายๆโปรเจคตั้งแต่กังหันผลิตไฟฟ้าไปจนถึงระบบเครนของการขนส่งสินค้าทางเรือ
เมื่อเราเดินไปด้วยกันผมแตะต้องหรือสนใจมอเตอร์ไซค์คันไหน เขาก็จะมีเรื่องราวเบื้องหลังของมอเตอร์ไซค์คันนั้นๆมายาวเหยียด เขาโชว์ผมแม้กระทั่งแบบร่างของมอเตอร์ไซค์แต่ละคันและเล่าผมถึงความยากลำบากในการข้ามผ่านขวากหนามหรือข้อจำกัดด้านต่างๆจนเห็นเป็นมอเตอร์ไซค์คันนั้นๆ เขาบอกแม้กระทั่งว่าคันนี้วางเท้าตรงไหน หรือความท้้าทายที่จะต้องผ่านมาตรฐาน Euro 4 ด้วยเครื่องยนต์ของเขาที่ชื่อว่า “1-Eleven-Squarehead”
ด้วยชื่อเครื่องยนต์ใครได้ฟังก็คงจะงงๆแต่อาจจะไม่ฟังผ่านๆ แต่วิศวกรของ Uffe นั้นต้องพยามสร้างมันออกมาให้ได้ ซึ่งชื่อ “1-Eleven-Squarehead” อาจจะดูเหมือนเชื่อมโยงกะฮาร์เลย์ แต่ความจริงหมายถึงเครื่องยนต์ขนาด 111 ลูกบาศก์นิ้ว และหัวเหลี่ยม
Uffe ได้ออกแบบมอเตอร์ไซค์ต้นแบบและสร้างแทบจะทุกชิ้นส่วนเอง อาจจะไม่ได้กลึงเองทุกชิ้นแต่เป็นการส่งแบบไปให้คนที่สามารถทำได้ พวกเขาเหล่านั้นก็สร้างชิ้นส่วนให้กับเขาและอาจจะผลิตให้คนอื่นไปด้วยอย่างเงียบๆ แต่เหมือน Uffe จะทราบดีแต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก
คนที่เจอกับเขาครึ่งต่อครึ่งจะคิดว่าเขาเป็นคนอัฉริยะ ที่เหลือจะคิดว่าเขาบ้า เขาไม่สนเรื่องจดสิทธิบัตรการออกแบบของเขาซึ่งอาจจะทำเงินให้เขาได้มาก เขาเหมือนไม่ได้มีแรงจูงใจเรื่องเงิน เหมือนคนที่ใจรักทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยไม่สนใจว่าจะกำไรหรือขาดทุนแต่ขอให้ได้ทำ
คันแรกของโลกที่ผ่านมาตรฐาน EURO 4
ตอนนี้ใน workshop ของเขามีมอเตอร์ไซค์ 2014 Lauge Jensen อยู่สองคัน ทั้งสองเป็นมอเตอร์ไซค์สองคันแรกในโลกที่เป็นไปตามมาตรฐานการปล่อยไอเสีย EURO4 ซึ่งยังไม่ถูกบังคับใช้จนกว่าจะถึงปี 2016 โน่น ระยะระหว่างล้อขนาด 1780 มิลลิเมตรนั้นถือเป็นการบ่งบอกถึงเอกลักษณ์ของมอเตอร์ไซค์คันนี้อยู่แล้ว ถือเป็นมอเตอร์ไซค์แบบ Bigbike แต่หน้าตาคลาสสิคเหมือนเรามองรถคาดิเลคในยุคปี 60 เป็นมอเตอร์ไซค์คันยาว ท้องต่ำ พร้อมสิ่งห่อหุ้่มที่เพิ่มน้ำหนักขึ้นมาอีก 10 กิโลกรัมเห็นจะได้
ทุกอย่างเป็นมอเตอร์ไซค์ที่ผลิตขึ้นมาเฉพาะ (Custom bike) เบาะนั่งนั้นต่ำมากจนรู้สึกเหมือนว่าจะนั่งอยู่ต่ำกว่าเครื่องยนต์เลยทีเดียว ขณะที่ต้องยืดแขนอย่างเต็มที่เพื่อไปให้ถึงคันเร่ง ส่วนล้อหลังนั้นกว้างเสียจนอาจจะไม่จำเป็นต้องมีแสตนด์ข้าง
เครื่องยนต์คำรามที่รอบต่ำโดยไม่มีเสียงกระแทกกระทั้นแต่อย่างใด เสียงจากปลายท่อไอเสียเหมือนจะออกมาอย่างเงียบเชีบ แต่นอนละว่ามันเป็นเรื่องยากทีเดียวที่จะทำให้เครื่องยนต์ใหญ่ขนาด 1792 cc แบบ V-Twin นั้นผ่านเกณฑ์ EURO4 โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ไม่ต้องมี Catalytic Converter และกล่อง Collector box ที่เราอาจจะพบเห็นกับมอเตอร์ไซค์ทั่วๆไปในท้องตลาด Uffe ใช้เวลา 3 ปีในการพัฒนาร่วมกับศาสตราจารย์จากแคลิฟอร์เนียในการสร้างเครื่องยนต์นี้มากพร้อมกับระบบหัวฉีดที่มีประสิทธิภาพสูงสุดระบบหนึ่ง
มอเตอร์ไซค์คันที่เราต้องขับนั้นคันหนึ่งมีการตั้งค่าระบบเป็นแบบมาตรฐาน ส่วนอีกคันที่เราขับนั้นตั้งค่าให้มีความดุดันมากกว่าปกติ ท่อโครเมี่ยมนั้นใหญ่มากแต่การตอบสนองนั้นละเอียดและคาดเดาได้ ผมไม่ได้อยากให้มันตอบสนองที่แหลมคมไปกว่าที่เป็นอยู่หรอกครับ ไม่งั้นก็ไม่เหมาะกับความเป็นมอเตอร์ไซค์อย่างที่มันควรจะเป็น
ขับแล้วรู้สึกเทห์ แต่เข้าโค้งลำบากไปนิด
มอเตอร์ไซค์คันนี้ก็พอจะพาเข้าโค้งได้ดี แต่ต้องพยายามหน่อย อย่าลืมว่าน้ำหนัก 323 กิโลกรัมนั้นยังไงเราก็ต้องพยายามทำให้ได้แม้ว่าระยะระหว่างล้อจะยาวอยู่แล้วก็ตาม แต่การเข้าโค้งที่ลำบากนั้นชดเชยด้วยการขับรถทางตรงที่แสนสบาย ระบบเกียร์นั้นหนักหน่อยแต่ไม่ถึงกับต้องงัดต้องแคะมาก ผมไม่พลาดซักเกียร์ ช่องเกียร์แต่ละช่องก็เข้าได้พอเหมาะเจาะ รู้สึกได้เมื่อเกียร์จับพร้อมแรงส่งที่ออกมาทางเท้าซ้ายของผม ฟังดูเหมือนผมจะเป็นมือใหม่ที่ต้องพูดออกมาแบบนั้นแต่อยากให้คุณรู้สึกว่ามันเป็นอย่างไร หน้าที่ของผมอยู่แล้ว
ท่านั่งนั้นห่างไกลมากจากที่ผมคุ้นชิน ที่ความเร็วมากกว่า 160 กม / ชม ความรู้สึกเหมือนเอาเสื้อมาแขวนไว้กับราวตากผ้าท่ามกลางลมพายุเลยเชียว หลังจากลองทำความเร็วสุดๆ ก็ต้องรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยกับความเร็วที่มองเห็นเป็น 200 กม/ชม แต่ความรู้สึกเหมือนวิ่งอยู่ที่ 400 กม/ชม เพราะเสียงรบกวนและลมกระแทกนั้นทำให้ผมรู้สึกเหมือนอยู่บนหัวเรือที่กำลังวิ่งฝ่าพายุเข้าไป
แต่ก็อย่างว่ามอเตอร์ไซค์คันนี้ไม่ได้ถูกสร้างมาให้วิ่งเร็ว แต่แรงลมปะทะที่ความเร็ว 160 กม/ชม นั้นถือว่าได้อรรถรสเป็นอย่างยิ่ง ความรู้สึกเหมือนคุณไปอยู่ในสถานที่ๆ ไม่ควรจะอยู่ ซึ่งแตกต่างกันมากหากเทียบกับรถแนวสปอร์ทไบค์ที่ความเร็วเท่านี้ยังรู้สึกเหมือนกับคนเดินเท้า
แม้ว่าตัวเลขจะดูใหญ่ๆ อย่าง 1792cc 323 กิโลกรัม ระยะระหว่างล้อ 1780 มม แต่ก็ถือว่าเป็นมอเตอร์ไซค์ที่ยังสามารถขับไปได้ดี ให้ความรู้สึกดิบๆเหมือนที่อยากให้เป็น เครื่องยนต์เริ่มให้แรงบิดเต็มที่ความเร็วรอบประมาณ 2,000 รอบต่อนาที วิ่งที่ 50 – 110 กม/ชม สบายๆ ที่เกียร์สามและสี่ ทุกๆครั้งที่เปลี่ยนเกียร์จะรู้สึกได้ว่าเครื่องยนต์จะผ่อนตัวนิดนึงก่อนที่จะปล่อยกำลังเต็มที่ออกมาอีกครั้ง ถือเป็นประสบการณ์ในการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมทีเดียว
หากคุณอยากขับแซงใครซักคนคุณอาจจะต้องพยายามเล่นกับมันหน่อย แต่หากต้องการความผ่อนคลายก็คงไว้ที่ overdrive เกียร์ 6 มอเตอร์ไซค์คันนี้ก็จะทะยานพาไปถึงจุดหมายได้โดยไม่ต้องออกแรงอะไรมาก
มอเตอร์ไซค์ Lauge Jensen ถือเป็นมอเตอร์ไซค์ทีซับซ้อนมากคันหนึ่ง แม้ว่าการขับขี่อาจจะปราศจากเรื่องไฮเทคเหมือนมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ๆที่ออกวางตลาด อย่างเรื่อง traction control โหมดเครื่องยนต์ หรือ ABS แต่ด้วยการที่เครื่องยนต์ผ่านมาตรฐาน EURO4 และระบบหัวฉีดของตัวเอง ก็ไม่ใช่แค่มอเตอร์ไซค์อีกคันที่ทำออกมาในลักษณะ custom made เฉยๆ นับได้ว่าเป็นมอเตอร์ไซค์ที่ได้รับการพัฒนาทางด้านวิศวกรรมมาเป็นอย่างดี
ถ้าเห็นว่า Harley เป็นของธรรมดา คันนี้แหละคือของแปลก
Lauge Jensen ได้ขายมอเตอร์ไซค์ไปแล้วประมาณเกือบ 100 คัน และคาดว่าจะสามารถผลิตได้ปีลt 15 ถึง 30 คันเท่านั้น ในขณะที่เจ้าของหลายๆคนอาจจะขับมอเตอร์ไซค์คันนี้ทัวร์ยุโรปไปแล้ว แต่คิดว่าอีกหลายๆคนอาจจะซื้อไปแล้วเอาไปประดับไว้ตามมุมห้อง แล้วก็ไม่เคยนำมันออกมาขับ
หากคุณเห็นมอเตอร์ไซค์ Harley แล้วคิดว่ามันแพงกว่าที่มันควรจะเป็น คุณก็คงไม่สนใจ Lauge Jensen หรอกครับ แต่หากคุณคิดว่า Harley นั้นมีอยู่เกลื่อนถนนและอยากลองอะไรที่ไม่เหมือนใครแล้วละก็ มอเตอร์เตอร์ไซค์คันนี้คือคำตอบ แต่ราคาเหรอครับ ราคาเริ่มต้นที่ 32,000 ปอนด์ (ราว 1,600,000 บาท) สนใจข้อมูลเพิ่มเติมดูได้ที่ www.laugejensen.dk นะครับ
เรียบเรียงจาก visordown.com
ads2