รีวิวการใช้งานกล้อง Gopro hero 4 black
รีวิวการใช้งาน Gopro hero 4 black
ads1
ตลาดกล้องแอ็คชั่นแคมนั้นเติบโตเป็นอย่างมาก และยี่ห้อที่เรารู้จักกันดีก็คงเป็นชื่อของ GoPro ซึ่งเหมาะกับการบันทึกภาพเหตุการณ์กีฬามันส์ๆ และแม้แต่รายการทีวีดังอย่าง BBC เองก็ใช้กล้องยี่ห้อนี้ในการจับภาพแอคชั่นต่างๆในป่ามาให้เราชมกัน
แอดมินก็ได้ไปซื้อกล้องตัวนี้มาด้วยเช่นกัน ราคาที่ซื้อก็คือ 17,500 บาท ไม่รวม Micro SD ซึ่งต้องหาซื้อต่างหาก ตอนแรกนึกว่าจะมากับกล้องเหมือนสินค้าทั่วไปที่มักจะแถมมาให้ด้วยเพื่อให้ใช้งานได้ทันที หาอยู่พักนึงเลยดูข้างกล่องจึงพบว่าเขาไม่ได้แถมมาให้ เดินทางไปที่ร้านใกล้บ้านซื้อ Micro SD ขนาด 32GB ราคาก็อยู่ที่ 870 บาท ถามหาขนาดใหญ่กว่านี้เขาบอกไม่มี ก็เลยถือว่าโอเคจะลองใช้งานดู
โดยหลังใส่ Micro SD ไปแล้ว ตั้งค่าความละเอียดไว้ที่ 1080p ที่ 24 fps ตัวเลข LCD ระบุว่าใช้งานได้ 122 นาที หรือราว 2 ชั่วโมงกว่าๆ นั่นเอง
กล้อง GoPro และกล้องในทำนองนี้นั้นจะเป็นกล้องในลักษณะ Point of View หรือมุมมองของเจ้าของกล้อง ไม่เหมือนกล้องถ่ายภาพทั่วไปที่เจ้าของกล้องต้องถ่ายคนอื่น สิ่งที่ทำให้กล้องแบบนี้ได้รับความนิยมสูงมากในปัจจุบันก็คือขนาดที่เล็กกระทัดรัด และได้ภาพวิดีโอความคมชัดสูงมาก ในระดับ 4K ที่ความเร็ว 30 เฟรมต่อวินาที เลยทีเดียว
ขนาดของกล้อง GoPro ที่บอกว่าเล็กกระทัดรัดนั้นเพราะมันมีขนาดเท่ากล่องไม้ขีดก็ว่าได้ ลองวัดด้วยไม้บรรทัดเองดูจะพบว่ายาวราว 5.7 ซม สูง 4 ซม หนา 2 ซม (ไม่รวมความนูนของเลนซ์) รุ่น Gopro Hero 4 Black ไม่มีจอไว้ดูภาพเนื่องจากความร้อนสูงจากตัวประมวลผลที่เราได้เคยรีวิวสเป็คไปก่อนหน้านี้แล้ว ทำให้ไม่สามารถดูได้ว่าขณะนั้นมุมมองภาพเป็นอย่างไร
แต่ไม่ต้องกังวลใจเพราะคุณสามารถเชื่อมโยง GoPro ผ่าน Wifi แล้วดูผ่านสมาร์ทโฟนอย่าง iPhone หรือยี่ห้ออื่นที่ใช้ Android ก็ได้ เดี๋ยวเราค่อยมาดูในรายละเอียดในเรื่องนี้กันนะครับ มุมมองของกล้องนั้นอยู่ที่ 170 องศา ก็เกือบๆจะเท่าสายตามนุษย์เลยทีเดียว หรือง่ายๆก็คือครึ่งทรงกลมด้านหน้าเราก็จะเป็นภาพทุกอย่าง
กล้อง GoPro ตอนนี้ก็ถือเป็นรุ่นที่ 4 แล้ว โดยรอบนี้มีกล้อง GoPro ออกมาวางขาย 3 รุ่นด้วยกันคือ
– ตัวท้อป GoPro Hero 4 Black
– GoPro Hero 4 Silver
– Gopro Hero
ความแตกต่างก็เป็นในแง่ของความละเอียดภาพและอัตราเฟรมสูงสุดที่จะสามารถถ่ายได้ ซึ่งตัวที่ซื้อมาก็คือตัวแพงสุด GoPro Hero 4 Black นั่นแหละครับ โดยสเป็คก็คือ สามารถบันทึกภาพเคลื่อนไหวขนาด 4K ที่ 30 เฟรมต่อวินาที ( Hero3+ บันทึกภาพ 4K ได้ที่ 15 fps เท่านั้น) และที่ความละเอียด 1080p สามารถบันทึกได้ 120fps
หรือพูดง่ายๆเป็นแบบ Full HD ที่สามารถสร้างภาพสโลโมชั่นแบบไม่กระตุกที่ 1/4 ความเร็วปกติ ซึ่งก็ถือว่าเป็นกล้องที่มีประสิทธิภาพสูงมากในขณะที่มีราคาเทียบเท่ากับกล้อง DSLR รุ่นเริ่มต้นเท่านั้น นอกจากนี้แล้วยังรองรับ Bluetooth อีกด้วย และความสามารถในการแท็กภาพที่ต้องการอีกด้วย
รูปลักษณ์ภายนอกของ Hero 4 นั้นดูเหมือนๆกับ Hero 3+ มาก ไม่ว่าจะความเป็นรูปร่างกล่องสี่เหลี่ยมและมิติขนาดของกล้องเอง นั่นหมายถึงว่า ตัวกล่องกันน้ำที่มาพร้อมกับกล้องตอนซื้อนั้นก็จะยังเท่าเดิม แต่เมื่อคุณเริ่มใช้งานก็จะพบว่ามีหลายอย่างเปลี่ยนไปมากซึ่งทำให้การใช้งานนั้นต่างจากเดิมมาก
บางอย่างอาจจะถือว่าต่างไม่มาก ไฟสถานะกล้องและไฟสถานะ Wi-Fi ที่ก่อนหน้านี้อยู่ด้านหน้าก็จะกลายเป็นแถบไฟยาวๆอยู่ด้านซ้ายของจอ LED ขาวดำ
และด้านขวาของกล้องที่ก่อนหน้านี้เป็นปุ่มใช้งาน Wi-Fi ก็จะกลายเป็นปุ่มตั้งค่า โดยถ้ากดปุ่มนี้ค้างไว้ซักสองสามวินาทีก็จะเป็นการสั่งปิดหรือเปิดระบบ Wi-Fi นอกนั้นปุ่มนี้ก็จะทำหน้าที่เหมือนระบบค้นหาในเมนู ทำให้การค้นหาหรือตั้งค่าต่างๆทำได้ง่ายกว่ากล่องรุ่นก่อนหน้านี้มาก
และสุดท้ายช่องใส่แบตเตอร์รี่นั้นไม่ได้อยู่ด้านหลังกล้องอีกต่อไป โดยรุ่นนี้จะอยู่ที่ก้นของกล้อง และชนิดของแบตเปลี่ยนจาก 3.7v 1180mAh เป็น 3.8v 1160 mAh และที่สำคัญทำให้สามารถเปลี่ยนแบตได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมมากระหว่างการใช้งานนอกสถานที่
ส่วนที่เหมือนกับรุ่นเก่าก็คือมีช่องเสียบต่อกับจอภาพอยู่ด้านหลังของกล้อง ส่วนด้านข้างจะมีช่องต่อสายสัญญาณ HDMI และ USB พร้อมกับช่องเสียบ Micro SD โดยมีฝาครอบเล็กๆ ที่ถอดออกมาได้ด้วย
ข้อความด้านหลังของกล้องตัวเล็กด้านล่างจะระบุว่า กรณีที่ใช้ในสภาพลมแรง ถ้าความเร็วลมน้อยกว่า 160 กมต่อชั่วโมง สามารถใช้กรอบแบบไม่กันน้ำได้ แต่หากความเร็วลมมากกว่า 160 กม/ชม ก็ควรจะใช้กรอบแบบมาตรฐานกันน้ำ เพื่อลดเสียงรบกวน
คุณภาพของกล้องและการใช้งาน
กล้อง GoPro Hero 4 จะมาพร้อมกันสองส่วนคือ ตัวกล้องเองและกรอบกันน้ำหรือเรียกว่า housing โดยกรอบกันน้ำนี้สามารถถอดออกมาโดยง่าย และสามารถเปลี่ยนแผงหลังได้ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน
ตอนซื้อกล้องมานั้นจะบรรจุอยู่ในกรอบกันน้ำเรียบร้อย โดยกรอบกันนน้ำนี้สามารถกันน้ำได้ลึกถึง 40 เมตร หากต้องการลึกกว่านั้นก็สามารถหาซื้อกรอบสำหรับการดำน้ำได้ซึ่งสามารถกันน้ำได้ลึกถึง 60 เมตร นอกจากนี้แล้วก็ยังมีกรอบให้เลือกหลากหลายสำหรับหลายๆสถานการณ์อีกด้วย
แม้การใส่กรอบจะทำให้กล้องดูใหญ่ขึ้นกว่าเดิม แต่ภาพรวมแล้วยังถือว่าเล็กอยู่เมื่อเทียบกับกล้องของ Toshiba อย่าง Toshiba Camileo X-Sport เป็นต้น
กรอบกันน้ำเหล่านี้แหละที่เป็นหัวใจของกล้อง GoPro ที่สามารถทำให้เราน้ำกล้องไปใช้งานจับภาพแอคชั่นได้ในทุกภาวะ และมีอุปกรณ์เสริมอีกมากมายที่จะมาช่วยให้การจับยึดกล้องกับวัสดุอื่นๆได้มากมาย นั่นหมายถึงว่าถ้าคุณมีความคิดจะยึดกล้องกับอะไรแล้วละก็ จะต้องมีอุปกรณ์มาให้คุณได้ใช้กับมันแน่
การยึดเกาะกับอุปกรณ์ต่างๆนั้นแน่นหนาและมั่นคงมาก ซึ่งหากเทียบกับของยี่ห้ออื่นๆแล้ว คุณจะพบว่าของ GoPro นั้นดูแน่นหนามากกว่า นั่นว่าทำไมการออกแบบจึงเป็นมาในแนวนี้ เพราะมันทำให้กล้องยึดติดอยู่กับพื้นผิวโดยไม่มีอาการสั่นให้เห็น
ความแน่นหนาของกรอบและการยึดเกาะนั้นรับรองได้ว่าหากถ่ายภาพขณะขี่จักรยานแล้วเกิดชนกัน รับรองว่ากล้อง GoPro Hero 4 จะยังอยู่ในสภาพที่ดีกว่าคนขี่นี่นอน จากที่เราเจอ จักรยานถึงกับล้อหน้าพับ คนขี่ต้องเข้าห้องฉุกเฉิน แต่กล้องและตัวยึดพร้อมกรอบยังอยู่ดี เลอะแค่รอยโคลนเล็กน้อยเท่านั้น
เราเริ่มต้นใช้งานกล้องจากตอนเช้าที่อากาศเย็นมาก และพอมาเจออากาศร้อนก็จะเกิดไอน้ำภายในกรอบเล็กน้อย ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องปกติกับกล่องกันน้ำทั่วไป แต่ก็สามารถแก้ปัญหาได้โดยง่าย ทาง GoPro เองก็แนะนำว่าให้หาซื้อแถบดูดซับความชื้นแล้วใส่เข้าไปภายในกรอบกันน้ำเลย
กรอบกันน้ำนั้นจะมาพร้อมปุ่มกดที่คุณจะยังสามารถควบคุมการใช้งานของกล้องได้เหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นการตั้งค่าต่างๆหรือแม้แต่สังให้เริ่มหรือหยุดบันทึกภาพก็ทำได้โดยง่าย
การใช้งานกล้องก็ทำได้อย่างตรงไปตรงมา โดยปุ่มทั้งสามปุ่มที่อยู่ด้านหน้า ด้านข้างและด้านบน จะสามารถทำให้เราเข้าถึงระบบเมนูได้ครบทุกอย่าง รวมไปถึงการใช้สั่งงานกล้องได้ด้วย มีหลายอย่างที่เปลี่ยนไปจากกล้อง GoPro Hero3+ สำหรับการควบคุมกล้องแม้ว่าปุ่มจะยังอยู่ในตำแหน่งเดิมๆก็ตาม แต่การใช้งานนั้นเปลี่ยนไปเล็กน้อยซึ่งคุณจะพบว่าคุณจะเรียนรู้การใช้งานได้เร็วและคล่องตัวมากขึ้น
ปุ่มปิดเปิดขนาดใหญ่นั้นจะอยู่ด้านหน้า และทำหน้าที่เป็นปุ่มเปลี่ยนโหมดของกล้องได้ด้วยเมื่อเปิดกล้องแล้ว ทำให้คุณสามารถเปลี่ยนโหมดจาก Video เป็นโหมดรูปภาพ (Photo) หรือโหมด Multi-Shot หรือถ่ายภาพต่อนอง รวมถึงการเล่นภาพ (Playback) ไปจนถึงการตั้งค่า
โดยเมื่อเลือกโหมดใดโหมดหนึ่งแล้ว ค่าตัวแปรต่างๆของโหมดนั้นจะสามารถปรับได้จากปุ่มด้านข้างของกล้องด้วยการกดเพียงครั้งเดียว แล้วก็กดปุ่มโหมดด้านหน้าเพื่อเลื่อนไปยังค่าที่ต้องการและกดปุ่มบนสุดเพื่อเลือกค่าที่ต้องการ
และเมื่อคุณออกจากการตั้งค่า ปุ่มบนสุดของกล้องก็จะทำหน้าทีเป็นตัวสั่งการให้กล้องทำงานหรือหยุดทำงานด้วยการกดปุ่มลงไปเพียงเบาๆ
การเชื่อมต่อกับ Smart Device
การเชื่อมต่อกล้องกับอุปกรณ์ Smart Device นั้นก็ทำได้อย่างตรงไปตรงมา โดยเริ่มแตกก็ต้องไปโหลด App มาก่อนซึ่งรองรับทั้ง iOS และ Android กดปุ่มด้านข้างของกล้องไว้ 2 – 3 วินาที จนไฟสีฟ้ากระพริบด้านหน้า ก็เป็นอันพร้อม เราก็สามารถเลือก Wi-Fi ของ GoPro ได้เลยจากหน้าจอของอุปกรณ์ Smart Device การตั้งค่าอะไรต่างๆก็ทำจากหน้าจอของอุปกรณ์ Smart Device ได้เลย
ภาพข้างบนแสดงตัวอย่างหน้า Preview ที่สามารถดูภาพจากกล้องในตอนนั้นๆ ได้เลย
การพรีวิวในแนวนอนจะเห็นภาพขนาดใหญ่ขึ้น
หน้ารายการวิดีโอที่อยู่ในกล่อง ซึ่งดูผ่าน iPhone 6 plus และสามารถสั่งเล่น video นั้นๆ ได้ทันที
ไฟสีน้ำเงินจะกระพริบเพื่อบ่งบอกถึงการเปิด Wi-Fi ส่วนไฟสีแดงแสดงถึงการกำลังบันทึกภาพวิดีโด โดยนอกจากไฟด้านหน้าแล้วยังไม่หลอดไฟ LED เล็กอยู่ที่ด้านหลังกล้องและด้านก้นกล้องอีกด้วย
App ที่แถมมาให้ใช้นั้นก็ได้รับการออกแบบมาไม่ซับซ้อนใช้งานได้ง่าย ทำให้คุณสามารถควบคุมสั่งการได้เหมือนเป็นอุปกรณ์ส่วนหนึ่งของกล้องไปเลย สามารถดูภาพสดๆ จากหน้ากล้องได้เลยแม้ไม่ได้อยู่ในโหมดการบันทึกภาพ อีกทั้งสามารถตั้งค่าต่างๆของกล้องได้ ดูไฟล์ต่างๆที่มีอยู่ในกล้อง รวมทั้งโหลดภาพวิดีโอเหล่านั้นมาเก็บได้ที่ Smart Device ได้เลย
กล้อง Hero 3+ ได้เพิ่มความเร็วของ Wi-Fi ขึ้นมามากและผลที่ได้ในกล้อง Hero 4 Black คือการดูภาพที่ลื่นไหล สามารถ Fast Forward ได้อย่างรวดเร็ว ไม่เหมือนบางยี่ห้อที่ภาพอาจจะกระตุกหรือการเชื่อมต่อหลุดหายไปเฉยๆ
การใช้งานในบ้านที่มี Wi-Fi อยู่แล้วอาจจะสร้างความรำคาญใจนิดนึง ตรงที่หากต้องการติดต่อกับกล้องก็ต้องไปที่โหมด Setting ของอุปกรณ์ Smart Device เพื่อเลือก Wifi เป็นกล้อง Gopro แทน แต่การใช้งานที่อื่นๆ นั้นจะไม่เจอปัญหานี้
จากอุปกรณ์มือถืออย่าง iPhone 6 Plus ที่ลองใช้งานดูนั้น พบว่าการถ่ายภาพต่อเนื่องที่ 1080p 24 fps จะได้ไฟล์เป็นช่วงๆที่ความยาว 17 นาทีนิดๆ สามารถสั่ง preview ดูผ่านมือถือ ตั้งค่าต่างๆ ลบไฟล์ โหลดลงมือถือได้อย่างรวดเร็ว
คุณภาพ Video
การถ่ายภาพวิดีโอถือเป็นจุดเด่นที่ใครๆก็นึกถึง GoPro การเริ่มใช้งานทำได้ง่ายๆ เพียงแค่กดปุ่มเริ่มบันทึกที่อยู่ด้านบนตัวกล้อง สำหรับคนที่อยู่ในวงการทำวิดีโอและรู้ว่ากำลังถ่ายภาพอะไรและจะนำไปใช้งานและตัดต่ออย่างไร จะพบว่าตัวเลือกต่างๆนั้นเหมือนฝันที่เป็นจริงเลยละครับ อย่างไรก็ตามสำหรับหน้าใหม่แล้วละก็ตัวเลือกต่างๆอาจจะทำให้งงๆ อยู่บ้างว่าทำไมมีตัวเลือกมากมายขนาดนั้น
ตัวอย่างเช่น กล้องนี้มาพร้อมกับความละเอียดของภาพและอัตราเฟรมต่อวินาทีให้เลือก 12 วิธีด้วยกัน โดยเริ่มจากความละเอียดคือ 4K (3840×2160) ที่อัตรา 24 25 หรือ 30 เฟรมต่อวินาที ไปจนถึงความละเอียดแบบ WVGA (848×480) ที่ 240 เฟรมต่อวินาที
นอกจากในแง่ความแตกต่างของความละเอียดภาพแล้ว สิ่งที่นักถ่ายภาพกีฬาแอ็คชั่นสุดยอดต้องการก็คืออัตราเฟรมต่อวินาที โดยโหมด HD หรือ 1080p นั้นเป็นความละเอียดภาพที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบันและคาดว่าจะใช้กันมากด้วยกล้อง GoPro ซึ่งปกติแล้ว 1080p นั้นเป็นความคมชัดสูงที่บันทีกกันทีีความเร็ว 29.7 fps ซึ่งจะให้ภาพที่ลื่นไหลอยุ่แล้ว
แต่กล้อง GroPro Hero 4 Black ตัวนี้สามารถบันทึกได้ที่อัตรา 120 90 60 50 48 30 25 24 fps นั้นหมายถึงว่ามันจะสามารถบันทึกภาพที่อัตราต่างๆเหล่านี้ แล้วตัดต่อให้ลงมาอยู่ที่ 29.7 เฟรมต่อวินาที เพื่อจะได้ภาพวิดีโอแบบสโลโมชั่นที่ลื่นไหลไร้อาการกรตุกที่เหมาะมากกับภาพกีฬามันส์ๆ ต่างๆ
ในการเลือกบันทึกภาพ 1080p ที่ 120 fps นั้นจะต้องมีการกดปุ่มกันหลายปุ่มหน่อย โดยเริ่มจากเลือกโหมดวิดีโอ แล้วกดปุ่มด้านข้าง จากนั้นมากดปุ่มด้านหน้าเพื่อหาค่าที่ต้องการ แล้วจบด้วยการกดปุ่มด้านบนเพื่อเลือกค่านั้น การเลือกเฟรมเรต ก็ทำในลักษณะเดียวกัน ทุกการเลือกก็จะคล้ายๆกันซึ่งก็ดูง่ายถ้าคุณรู้ว่ากำลังทำอะไร แต่ที่แน่ๆ ง่ายกว่า Gopro Hero3 เยอะ
ภาพที่กล้อง GoPro จับมานัั้นจะมีมุมมองที่ 170 องศา และด้วยเลนซ์ที่มีค่าความไวแสงที่ f/2.8 จึงทำให้ทุกอย่างที่อยู่หน้าเลนซ์จะถูกบันทึกไว้หมด ดังนั้นตราบใดที่กล้องหันหน้าไปยังทิศทางที่ถูกต้องคุณก็ต้องได้ภาพอะไรมาแน่ และยังมีตัวเลือกให้คุณเลือกมุมที่แคบลงด้วย แต่เพื่อให้ได้ภาพที่ครอบคลุมเราพบว่าค่ามาตรฐาน Wide Angle นั้นถือว่าเหมาะสมแล้ว
ประสิทธิภาพของกล้อง
การทดสอบของเราก็ง่ายๆ แค่เอากล้องมาติดตั้งกับแฮนด์ของจักยานเสือภูเขา กดปุ่มบันทึก ไฟสีแดงก็จะกระพริบเพื่อบอกเราว่าทุกอย่างทำงานปกติ หน้าจอ LCD ด้านหน้าบอกข้อมูลคร่าวๆของค่าต่างๆทีเราตั้งไว้ และเวลาที่เหลืออยู่ที่สามารถบันทึกได้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเรา
การลองเปลี่ยนความละเอียดในการบันทึกภาพดู จะพบว่าได้ความละเอียดของภาพที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด แม้แสงน้อยด้วยการตั้งค่ากล้องที่ ISO 1600 แม้จะเริ่มมี noise โผล่มาบ้างแต่ก็ถือว่าทุกอย่างยอมรับได้
ในกรณีที่แสงน้อยมากมากๆ การใส่สีให้ภาพดูเหมือนจะมีข้อบกพร่องของ white balance ที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว แต่โดยรวมแล้วกล้องจับภาพที่ให้สีเป็นธรรมชาติดี กล้อง GoPro ยังสามารถระบบวัดแสงเป็น spot metering และการชดเชยการ exposure ได้ด้วย แต่หากปล่อยให้กล้องทำหน้าที่ของมันไป ภาพที่ได้ก็ถือว่ายังดูดี การเปลี่ยนภาพจากที่มืดมาอยู่ที่สว่างอย่างรวดเร็ว ระบบปรับหน้ากล้องก็ทำงานได้อย่างฉับไวตามแสงที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเป็นไปอย่างลื่นไหล
คุณภาพของภาพ Video
เมื่อลองดูภาพ 4K ที่ได้และเปรียบเทียบกับกล้อง GoPro Hero 3+ แล้วพบว่าการเพิ่มเฟรมเรตจาก 15 เป็น 30 fps นั้นเห็นผลได้ชัดเจนมาก ภาพวิดีโอที่ได้นั้นลื่นไหลกว่ามาก และแสดงให้เห็นว่าด้วยกล้องเล็กๆขนาดนี้ ภาพ 4K นั้นไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกเลย
ลองหันกลับมาใช้กล้องที่ความละเอียดขนาด 1080p ที่ 30 fps และที่ 50 fps 120 fps ให้ผลที่น่าตื่นตาเป็นอย่างยิ่ง ภาพที่ได้จากแต่ละเฟรมเรตนั้นดูลื่นไหลบนหน้าจอ แต่ผลที่แท้จริงนั้นมาโผล่ตอนลองตัดต่อด้วย Final Cut Pro X และลองปรับไปที่เฟรมเรต 29.7 และลองสร้างผลงานยาว 4 วินาทีออกมา
ผลจากการใช้งานแบบ 30 fps นั้นจะดูกระตุกเล็กน้อย จากภาพ 50 fps นั้นดูเหมือนดีขึ้นมานิดนึง แต่จากการนำภาพ 120 fps มาตัดต่อแล้วลดความเร็วลงมาที่ 29.7 fps แสดงให้เห็นถึงภาพที่ลื่นไหลและคงรายละเอียดของสีของภาพเคลื่อนไหวนั้นได้อย่างน่าประทับใจมาก
เลนซ์ของกล้อง GoPro นั้นพัฒนามามากตั้งแต่รุ่น Hero 3+ จนมาถึงรุ่นนี้ เลนซ์ก็ยังให้ภาพที่คุณภาพเยี่ยมในแง่มุมมองของภาพและแม้จะมี Field of View ที่ 170 องศาก็ตาม การบิดเบือนของภาพก็ไม่ถึงกับเห็นเด่นชัดนัก โดยภาพตรงกลางยังคงความคมชัดที่ดี การบิดเบือนภาพเห็นก็ตรงบริเวณขอบภาพเท่านั้น
ระบบเสียงและซอฟท์แวร์
กล้อง GoPro มาพร้อมกับไมโครโฟนในตัว ซึ่งบันทึกเสียงพื้นหลังได้ดี คุณภาพอาจจะไม่ถึงขั้นออกอากาศทีวีได้ แต่โดยรวมถือว่าใช้งานได้ ยังมีออพชั่นให้เลือกต่อไมโครโฟนข้างนอกได้ผ่านช่อง USB ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่อยู่ในแวดวงของการถ่ายภาพการเล่นดนตรี
แบตเตอร์รี่ตัวใหม่นั้นรองรับการบันทึกภาพได้นานถึงราวชั่วโมงครึ่งหากปิดระบบ Wi-Fi เนื่องจาก Wi-Fi นั้นกินไฟมาก จากที่ลองใช้งานดูพบว่าแค่เปิดระบบ Wi-Fi ทิ้งไว้กล้องก็ร้อนเทียบเท่ากับการบันทึกภาพแบบไม่เปิด Wi-Fi เลยทีเดียว
จุดเด่นอีกอย่างของ GoPro ที่ทำให้แตกต่างจากเจ้าอื่นก็คือระบบซอฟท์แวร์ GoPro Studio Software ซึ่งรองรับทั้ง Mac และ Windows สามารถดาวโหลดมาใช้งานได้ฟรี โดยคุณสามารถตัดต่อวิดีโอได้เอง
การใช้งานก็ทำได้โดยง่ายทั้งการตัดต่อธรรมดาและชั้นสูงที่สามารลดเฟรมเรตลง และถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีให้คุณได้เล่นวิดีโอของคุณเอง พร้อมทั้งยังรองรับไฟล์วิดีโอของกล้อง Canno และ Nikon อีกด้วย
บทสรุป
กล้อง GoPro นั้นถือว่าเป็นผู้นำตลาดในตอนนี้สำหรับกล้องแนว Action Cam ด้วยการออกแบบที่ง่ายๆ การใช้งานก็ไม่ยุ่งยาก เลยน่าจะเป็นเหตผลที่ว่าทำไมกล้องรุ่นนี้ถึงได้รับความนิยมสูงมาก
ด้วยกล้องขนาดเท่ากล่องไม้ขีด สามารถถ่ายภาพด้วยคุณภาพที่ออกอากาศทีวีแบบ HD ได้ พกมาไปได้ทุกที ยึดกับวัสดุได้หลากหลายชนิด ระบบเมนูที่ใช้งานได้ง่าย เปลี่ยนค่าต่างๆได้อย่างรวดเร็ว ด้วยเฟรมเรตที่สูงถึง 120 fps สำหรับภาพ HD ทำให้เหมาะสำหรับการจับภาพแอคชั่นต่่างๆได้อย่างดี
สิ่งที่เราชื่นชอบ
กล้อง Gopro Hero 4 Black นั้นทนทาน และใช้งานได้ทุกสถานการณ์พร้อมภาพที่ความคมชัดสูง การตั้งค่าต่างๆก็ได้รับการปรับปรุงให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น และการถ่ายภาพ 4K ที่ 30 fps นั้นถือเป็นก้าวกระโดดมาก คุณจะหาได้ในราคานี้แทบจะไม่มีในท้องตลาดในตอนนี้ และที่สามารถถ่ายภาพแบบ Full HD ที่ 120 fps นั้นถือว่าน่าทึ่งเป็นอย่างยิ่ง
สิ่งที่น่าเสียดาย
บางคนอาจจะอยากได้สไตล์ของกล้องออกแนวลูกกระสุนมากกว่าที่จะเป็นแนวกล่องสี่เหลี่ยม เพื่อที่จะได้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อม สิ่งที่น่าจะเป็นจุดด้องของ GoPro Hero 4 Black ก็คงเป็นเรื่องของเวลาในการสตาร์ทเครื่อง
คุณจะต้องกดปุ่มค้าไว้หลายวินาทีก่อนที่กล้องจะพร้อมให้คุณได้ถ่ายภาพได้ ซึ่งอาจจะทำให้พลาดโอกาสสำคัญได้ อีกอย่างหนึ่งก็คือตอนมันอยู่ในกรอบพลาสติค คุณจะชาร์ชไปถ่ายไปคงทำไม่ได้ ถอดออกมานอกกล่องแล้วก็ไม่รู้จะยึดกล้องยังไงนอกจากเทปกาวสองหน้า สายชาร์ชก็แข็งและสั้นเกินไป จึงไม่เหมาะที่จะมาใช้กับการบันทึกภาพในรถยนต์เท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นแอคชั่นทั่วไปแล้วละก็ถือว่าโอเค
รีวิวนี้ไม่ได้รับการสนับสนุนจากเจ้าของสินค้า แอดมินซื้อเองใช้เองครับ ท่านที่เอารีวิวไปเผยแพร่โปรดให้เครดิตกลับมาที่เว็บด้วยนะครับ ขอบคุณครับ