Honda GoldWing F6C รีวิวการขับขี่มอเตอร์ไซค์
Honda GoldWing F6C รีวิวการขับขี่มอเตอร์ไซค์ : First Ride
ads1
ก่อนหน้านี้เราก็ได้นำเสนอเรื่องราวของมอเตอร์ไซค์ Gold Wing ที่ออกรุ่นครบรอบ 40 ปีกันมาแล้ว โดยมาพร้อมกับสีใหม่และพิมพ์ตัวอักษร 40th Anniversary ตามตำแหน่งต่างๆ จนผู้อ่านบางท่านส่งคอมเม้นท์มาว่า ถ้า Gold Wing เอาส่วนประกอบเทอะทะต่างๆออกไป แล้วมีอุปกรณ์เท่าที่จำเป็นแล้วขายให้ถูกกว่าเดิมซึกครึ่งนึง รับรองขายดีเป็นเทน้ำเทท่าแน่นอน
กลับกลายเป็นว่า Honda ทำออกมาอย่างนั้นจริงๆ GoldWind F6C ซึ่งชื่อก็บ่งบอกได้ว่าเป็น GoldWing ที่เอาแฟร์ริ่งและส่วนที่เทอะทะออกไป เหลือไว้ตรงความสวยงามของเฟรมอลูมิเนียมและเครื่องยนต์ 1832cc เกียร์ 5 สปีดตามที่เห็น
ผลที่ได้คือ Flat-Six Custom หรือเราเรียกกันย่อๆว่า F6C นั่นเอง คำว่า Flat ก็แปลว่าราบเรียบไม่มีส่วนเพิ่มเติมให้เทอะทะ
มอเตอร์ไซค์คันนี้เปิดตัวเมื่อเดือน กรกฏาคมที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนว่าข่าวคราวจะออกมาเงียบๆ หรือเพราะข่าวของมอไซค์คันอื่นกลบไปเสียก็ไม่รู้
กลับมาเรื่อง GoldWing F6C กันต่อ ราคาแม้ว่าจะไม่ได้ลดลงถึงครึ่ง แต่ราคาในอังกฤษนั้นอยู่ที่ 17,999 ปอนด์ (ราว 900,000 บาท) ลดลงจากรุ่นเต็ม 8,000 ปอนด์ด้วยกัน (400,000 บาท) ด้วยราคาที่ลดต่ำลงนั้นก็ต้องขาดไปทั้งเครื่องเสียงและเกียร์ถอยหลังไป
จะว่าไปแล้วมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ก็เหมือนจะถ่ายทอดคุณลักษณะจาก 1975 GL1000 Gold Wing ที่เป็นรุ่นเนคเก็ต flat-four นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทาง Honda นำพา GoldWing ย้อนยุคกลับไป เพราะอย่าง 1996 Valkyrie ก็เคยถอดส่วนประกอบต่างๆออกจากตัว 1500cc Wing เหมือนกันกับคันนี้
แม้จะถอดอะไรออกไปหลายๆอย่างก็ตาม F6C คันนี้ก็ยังมีน้ำหนักอยู่ที่ 341 กิโลกรัม แต่ก็ไม่ต้องแปลกใจที่ทาง Honda เหมือนจะรู้ดีว่าจะทำอย่างไรให้มอเตอร์ไซค์หนักๆแบบนี้ขับได้สบายๆ ก่อนหน้านี้ผมได้ลองขับ CTX1300 หนัก 338 กิโลกรัมมาแล้วว่าขับได้ไม่ยาก และเจ้า F6C ตัวนี้ก็เช่นกัน
ขณะที่มอเตอร์ไซค์คันนี้หยุดนิ่ง จุดศูนย์ถ่วงที่อยู่ต่ำจะทำให้รู้สึกว่าเบากว่าที่คาด ขณะที่มันเคลื่อนที่ก็บังคับเลี้ยวได้เร็ว ส่วนที่เสริมก็เป็นบาร์ที่กว้างพร้อมล้อหน้าที่เล็กลง (130/60 Dunlop Sportmax เทียบกับ GoldWing ธรรมดาที่ใช้ 130/70)
การขับขี่รู้สึกได้ถึงความนุ่มนวล เข้าโค้งได้ง่าย พร้อมพื้นที่ใต้ท้องที่เหมาะสมที่อาจจะดูไม่เข้ากับการเป็นมอไซค์แนว cruiser ซักเท่าไหร่ ที่วางเท้านั้นใหญ่ เรียบและเป็นแผ่นสี่เหลี่ยม
ในส่วนของตัวถังและระบบกันสะเทือนนั้น ตะเกียบหน้าเป็นแบบปรับค่าไม่ได้ส่วนโช้คหลังนั้นปรับค่าพรีโหลดได้ รวมแล้วทำให้รู้สึกมั่นใจได้ถึงการทรงตัวทั้งในระหว่างการเข้าโค้ง การขับบนผิวถนนขรุขระและรวมไปถึงการเบรกแรงๆ เรื่องล้อหน้าสั่นก็คงจะลืมไปได้เลย
เบรก ABS นั้นมาเป็นมาตรฐาน แต่คิดว่าอยากจะได้แรงจับจากจานคู่ขนาด 310 มม ของล้อหน้าเพ่ิมอีกซักหน่อย ผมต้องใช้นิ้วสองนิ้วกำอย่างแรงเวลาต้องการหยุดแบบทันทีทันใด
ในส่วนของแรงบิดที่กระจายไปยังทุกช่วงก็ยังคงอยู่บนมอเตอร์ไซค์ F6C คันนี้ โดยมอเตอร์ไซค์คันนี้ไม่ถึงกับว่าจะเร็วสุดๆหรือช้าเอื่อยๆ แต่เป็นมอเตอร์ไซค์ที่อาร์โนลควรขับในเรื่อง Terminator 2 แทนที่จะเป็นยี่ห้อฮาร์เลย์ซะมากกว่า
ที่เกียร์ต่ำมันพุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร่งเหลือเฟือจาก 2,000 รอบต่อนาที ไปยังเส้นแดงที่ 6,000 รอบต่อนาที ทำความเร็วได้เต็มที่ 64 กม/ชม ในเกียร์ 1 แรงบิดก็ไม่ได้ลดลงเลยแม้กำลังจะแตะขีดแดงก็ตาม บางทีอาจจะทำให้เราบิดผ่านมันไปได้ง่ายๆหากสายตาไม่ได้ดูเข็มวัดรอบ
โน้ตเสียงที่ออกมาจากท่อไอเสียก็ไม่ได้ดังมากเพราะนี่คือ Honda แต่ก็ให้เสียงกระหึ่มน่าประทับใจจากหกสูบคันนี้แบบไม่อายใคร
การแซงรถยนต์ไปตามท้องถนนก็ทำได้อย่างสบายๆ การเข้าโค้งก็สุดมันส์ ผมยังถามตัวเองเลยว่าถ้าเอามอไซค์คันใหญ่แบบนี้ไปลงสนามแข่งมันจะเป็นอย่างไร
จะให้เดาก็คงเป็นว่าจะเป็นมอไซค์ที่ขับสบายที่สุดบนสนามแข่ง อาจจะไม่ถึงกับวิ่งได้เร็วสุด แต่ท่านั่งขับนั้นผ่อนคลายและเป็นธรรมชาติด้วยเท้าที่วางอยู่ด้านหน้าคุณ แฮนด์บาร์ที่ยาวจะยื่นมาหาคุณ เลยไม่ต้องถึงกับต้องเอื้อมไปไกลมาก มีแต่การเลี้ยวมุมแคบๆเท่านั้นที่อาจจะทำให้คุณถึงกับต้องเอื้อมไปยังแฮนด์ที่อยู่ด้านนอกวงเลี้ยว
เบาะนั่งก็ทำมาได้ดี กว้างและต่ำ ทำให้คนที่มีความสูงในระดับค่าเฉลี่ยนั้นสามารถเอาเท้าแตะพื้นได้โดยง่าย
ลมต้านนั้นก็ไม่ถึงกับเลวร้ายสำหรับการขับขี่บนทางหลวงที่ความเร็วสูง แต่ก็คงไม่มีใครขับมอไซค์เกิน 130 กม/ชม อยู่นานเกินไปหรอกใช่ไหมครับ หัวสูบและแผงระบายความร้อนนั้นอยู่ไกลพอที่จะกันความร้อนให้ห่างจากขาคุณได้
นอกจากเบรก ABS แล้วก็คงไม่มีลูกเล่นอะไรอื่นให้มากนักด้วยราคานี้ ระบบ Traction Control นั้นไม่มีสำหรับรุ่นนี้ แผงหน้าปัทว์แบบดิจิตอลขนาดเล็กนั้นก็ดูดี โดยจะเป็นตัวอักษรสีเทาบนพื้นหลังสีดำ แต่ก็ไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรมากตามมาตรฐานของยุคนี้นอกจากระดับน้ำมัน
มีที่ล้อคหมวกกันน้อคด้วยซึ่งก็ไม่ได้พบเห็นลักษณะนี้บนมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ๆมาเกือบ 20 ปีแล้ว
ที่น่าเสียดายสำหรับ F6C ก็คงเป็นเรื่องของโครเมี่ยมที่มีน้อยไปหน่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ราคานี้ ตรงไฟหน้า กระจกมองหลัง ฝาปิดถัง ต่างก็เป็นพลาสติค แต่อย่างไรก็ตามมอเตอร์ไซค์คันนี้ย่อมทำให้คนรอบข้างทึ่งกับมัน บางคนเข้ามาถามว่ามันคืออะไรกันเนี่ย และอีกคนบอกว่าโหเครื่องยนต์ใหญ่กว่ารถแวนของเขาซะอีก
อยากได้ความรู้สึกแบบนี้บางไหมหละครับ ก็เตรียมควักกระเป๋าแล้วลองไปขอขับดูได้จากโชว์รูมเลยนะครับถ้าหาเจอว่าใครนำเข้ามาขายบ้างในไทย
ที่มา visordown.com