ล่าสุด

รีวิวการขับขี่ Triumph Tiger 800 XRx

Triumph-tiger-800-xrx-review

รีวิวการขับขี่ Triumph Tiger 800 XRx

ads1

จะว่ากันตามจริงแล้วคงไม่มีเจ้าของมอเตอร์ไซค์แนว adventure คนไหนหรอกที่จะนำมอเตอร์ไซค์คันสวยไปลุยโคลน บางคนเป็นเจ้าของมอเตอร์ไซค์แบบนี้ก็จริงแต่ไม่เคยแม้แต่จะแตะถนนลูกรังด้วยซ้ำ

จึงถือเป็นเรื่องปกติในการที่จะนำมอเตอร์ไซค์ Adventure มาวิ่งบนท้องถนนทั่วไป และใช้เวลาอยู่บนถนนทางเรียบถึง 99% เลยก็ว่าได้

ทาง Triumph เองก็มีแนวคิดแบบนั้น ผมเพิ่งได้ลองขับมอเตอร์ไซค์ 2015 Tiger 800 รุ่นหนึ่งในกลุ่มนี้โดยคันที่ผมขับก็คือ Triumph Tiger 800 XRx ซึ่งจะมีล้ออลูมิเนียมหล่อแทนที่จะเป็นล้อแบบซี่ โดยล้อหน้าจะเล็กลงอยู่ที่ 19 นิ้ว จริงๆแล้วรุ่นนี้ก็คล้ายๆกับ Triumph Tiger 800 XCx เพียงแต่เอาลักษณะของการเป็น off-road ออกไป กลายเป็นมอเตอร์ไซค์ที่เหมาะสำหรับท้องถนนทั่วไปเป็นอย่างมาก แถมยังมาพร้อมจงอยปากอีด้วย

ระบบกันสะเทือนจะเป็นของ Showa แทนที่จะเป็น WP เบาะนั่งที่ต่ำลง โดยจะต่ำลง 30 มม และสามารถปรับความสูงได้ตั้งแต่ 830 ถึง 810 มม มอเตอร์ไซค์ทั้งสองรุ่นคือ XRx และ XCx ถือเป็นรุ่นสเป็คสูงของ XR และ XC ตามลำดับ ทำให้ Triumph Tiger 800 รุ่นปี 2015 มีถึง 4 รุ่นด้วยกัน

รุ่นพื้นฐานนั้นจะมาพร้อมกับระบบ Traction control และเบรก ABS ที่ปิดเปิดได้ ส่วนตัวอักษร x ตัวเล็กๆสำหรับรุ่นสเป็คสูงกว่านั้นจะบ่งบอกถึงการมีระบบอิเลคทรอนิคส์เพิ่มขึ้นรวมถึงระบบ off-road traction control และ ABS พร้อมกับตัวเลือกของการแมปปิ้งการจุดระเบิดและอุปกรณ์เสริมอื่นๆ

มอเตอร์ไซค์นี้จะมาพร้อม cruise control ช่องเสียบไฟ 12 โวลท์จำนวน 2 ช่องแทนที่จะมีช่องเดียว ไฟเลี้ยวที่ปิดเองโดยอัตโนมัติ พร้อมข้อมูลเพิ่มเติมบนแผงหน้าปัทว์ ทั้งอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน ณ ตอนนั้นและค่าเฉลี่ยเป็นต้น

สำหรับรุ่น XRx จะมาพร้อมกับบังลมหน้าที่ปรับค่าได้และเบาะนั่งที่นั่งสบาย พร้อมกับแฮนด์การ์ดและเซ็นเตอร์สแตนด์

เมื่อวานผมใช้เวลาทั้งวันในการขับขี่มอเตอร์ไซค์คันนี้ด้วยเบาะนั่งธรรมดา ซึ่งก็แยกไม่ค่อยออกว่ามันจะต่างจากเบาะนั่งสบายอย่าวไร แต่จะว่าไปแล้วเบาะทั้งสองก็นั่งสบายเท่าๆกันละครับ

แต่สิ่งที่สังเกตได้คือความสูง เนื่องจากผมเองสูง 5 ฟุต 9 นิ้ว เมื่อปรับเบาะรุ่น XRx ให้อยู่ในตำแหน่งต่ำก็พบว่าผมเอาเท้าแตะพื้นได้ทั้งสองเท้าแบบเต็มฝ่าเท้าซึ่งนับว่าไม่ค่อยจะคุ้นเคยเท่าไหร่กับรถในลักษณะ Adventure การปรับเบาะให้ต่ำลงนั้นทำได้ง่ายไม่ต้องใช้เครื่องมือใดๆ แค่เพียงเลื่อนเบาะนั่งคนขับ ปรับอะไรบางอย่างแล้วก็เลื่อนเบาะกลับที่เดิม

Triumph-tiger-800-xrx-review-2

การขับขี่ XCx นั้นถือว่าทำได้ดีและเลี้ยวได้ง่าย และจะว่าไปแล้ว XRx จะให้ความรู้สึกว่าเลี้ยวได้เร็วกว่าน่าจะเป็นเพราะล้อหน้าที่เล็กกว่านั่นเอง

ระบบกันสะเทือนนั้นปรับค่าได้น้อยว่ารุ่น XCx ตะเกียบหน้าปรับค่าไม่ได้ ส่วนโช้คหลังปรับค่าพรีโหลดได้เท่าน้น

แต่โดยรวมแล้วถือว่าทุกอย่างเข้ากันได้ดีสำหรับอุปกรณ์มาตรฐานต่างๆเหล่านี้ ทั้งหน้าและหลังก็ให้ความรู้สึกสบายในการขับขี่แบบ touring แต่หากจะขับแบบเข้าโค้งเอียงตัวสุดๆ ก็ทำได้ไม่เลวเช่นกัน

ตะเกียบหัวกลับนั้นมีระยะยุบตัวน้อย โดยยุบตัวได้เพียว 180 มม แทนที่จะเป็น 220 มม ทำให้มอเตอร์ไซค์คันนี้กลับมาทรงตัวได้เร็วหลังจากเบรกหนักๆ

ความรู้สึกของการเบรกนั้นถือว่าดี จานเบรกหน้าแบบคู่ขนาด 308 มม พร้อมคาลิบเปอร์แบบ 2 สูบขอว Nissin นั้นถือว่าให้พลังหยุดที่ดีไม่อายใคร

ความสูงที่ต่ำกว่าปกติของเจ้า XRx นี้ทำให้ตอบสนองต่อถนนลาดยังได้ดี ผมชอบมากเวลาเข้าโค้งซ้ายขวาติดๆกันตอนงานเปิดตัวกับสื่อมวลชนเมื่อวานของเจ้า XCx ผมประทับใจกับความคล่องตัวของมอเตอร์ไซค์คันนี้มาก แต่สำหรับวันนี้ผมรู้สึกสนุกมากกว่าเดิมกับ XRx ซึ่งความจริงก็ดีเท่าๆกันกับ XCx แต่การที่ออกแบบมาสำหรับวิ่งบนท้องถนนทำให้ความรู้สึกถึงจุดมุ่งหมายที่ตรงประเด็นกว่า ทำให้คุณรู้สึกอยากเล่นอะไรมากขึ้นกับตัวนี้

เครื่องยนต์ขนาด 800cc สามสูบเรียว ซึ่งออกแบบมาจากเครื่องยนต์ของ Street Triple 675 นั้นมันชอบที่จะเล่นรอบสูง เสียงเครื่องยนต์ที่รอบแตะ 10,000 รอบต่อนาทีนั้นถือว่าสุดยอด แต่เสียงที่ 5,000 รอบก็ถือว่าไม่เลวเช่นกัน

รุ่นใหม่ทุกรุ่นที่มาจาก Tiger 800 นั้นจะมีระบบคันเร่งแบบ ride-by-wire เพื่อการตอบสนองของเครื่องยนต์ที่นุ่มนวลกว่า การตอบสนองต่อการบิดคันเร่งอย่างทันทีทันใดของ XRx ก็ถือว่าไม่น่าเกลียด การเปลี่ยนเกียร์ก็ลื่นไหลดี ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทาง Triumph ได้พัฒนาดีขึ้น

ทั้งสอนรุ่นที่กล่าวถึงนี้ต่างก็มีระบบแมปปิ้งน้ำมัน 4 แบบด้วยกันคือ road, off-road, rain และ sport โดยโหมด Sport นั้นถือว่าเป็นโหมดที่การตอบสนองคันเร่งดุดันกว่าแต่ความแตกต่างจากโหมดอื่นๆก็ไม่ถึงกับโดดเด่นอะไรมาก

Triumph-tiger-800-xrx-review-3

นอกจากความมันส์ในการขับขี่แล้ว XRx ยังมาพร้อมอุปกรณ์ที่เหมาะสำหรับการออกทัวร์มาก ทาง Triumph กล่าวว่าได้มีการพัฒนาความสบายในการขับขี่มากขึ้น แฮนด์นั้นกว้างขึ้น และยื่นไปข้างหน้ามากขึ้นและสูงขึ้นเล็กน้อย ระบบ cruise control และช่องเสียบไฟทั้งคู่นั้นน่าจะมีประโยชน์มาก เสียอย่างเดียวว่าบังลมหน้าที่ปรับค่าได้นั้นน่าจะสูงกว่านี้เมื่อมันอยู่ในตำแหน่งสูงสุด สำหรับผมแล้วถือว่าโอเค แต่คนที่ตัวสูงกว่านี้อาจจะอยากได้บังลมหน้าที่ใหญ่กว่านี้ และน่าจะปรับตำแหน่งได้ง่ายกว่านี้ การปรับตำแหน่งต้องทำแบบแมนน่วล โดยการคลายน้อตสองตัว ยกบังลมหน้าขึ้นแล้วขันกลับ จะทำมันระหว่างการขับขี่คงทำไม่ได้

การลองเล่นกับเมนูต่างๆและโหมดต่างๆบนแผงหน้าปัทว์นั้นชวนให้งงอยู่หน่อยๆ แต่คิดว่าคนที่เป็นเจ้าของลองซักพักก็ชิน ตัวอย่างเช่นไฟเลี้ยวที่ปิดอัตโนมัตินั้นมันทำงานได้ดีตราบใดที่มีการเลี้ยวเกิดขึ้นจริง มันจะรู้จังหวะการปิดของมันเอง แต่สิ่งที่ท้าท้ายคือการตั้งให้มันทำงานแบบนั้น โดยคุณจะต้องเปลี่ยนสวิทส์จากตำแหน่ง แมนน่วล เป็น ปิดอัตโนมัติ ผ่านระบบเมนู แม้แต่คนของ Triumph เองก็ใช้เวลาอยู่หลายนาทีกว่าจะจำได้ว่าจะทำอย่างไร

การเปลี่ยโหมดการขับขี่จาก road เป็น off-road นั้นก็ถือว่าตรงไปตรงมา ตัวหลังจะหมายถึงการยอมให้มีการลื่นไถลมากกว่าโหมด road สำหรับทั้ง ABS และ traction control

สำหรับราคาแล้ว XRx นั้นอยู่ที่ 9,499 ปอนด์ เทียบกับ XR ที่ 8,499 ปอนด์ ซึ่งความแตกต่างก็คือระบบอิเลคทรอนิคส์แบบ off-road ที่ต้องจ่ายเพิ่ม แต่บางคนอาจจะถามว่าจ่ายเพิ่มทำไม ทำไมเอารุ่น XCx ที่ออกแนว off-road ไปแล้วที่ราคา 9,999 ปอนด์ หรือแม้แต่ XC ที่ 8,999 ปอนด์ คำตอบก็คงอยู่ที่ความเป็นมอเตอร์ไซค์แบบองค์รวมละครับ ที่มาพร้อมความเป็น tourer ได้ด้วย ซึ่งนั่นก็คือสาเหตุที่ทำไมต้องมีรุ่น XRx นี้ออกมา

ที่มา visordown.com

Advertisment

13,731 views