ล่าสุด

Vespa Primavera รีวิวทดสอบการขับขี่มอเตอร์ไซค์คันสวย

2014 Vespa Primavera

2014 Vespa Primavera

Vespa Primavera รีวิวทดสอบการขับขี่มอเตอร์ไซค์คันสวย

คงไม่มีใครปฏิเสธได้ถึงความสวยงามและสเน่ห์ของมอเตอร์ไซค์ยี่ห้ออิตาลีเจ้านี้ มอเตอร์ไซค์ Vespa รุ่น Primavera นั้นเริ่มออกมาวางตลาดเมื่อปี 1968 หรือ พ.ศ. 2511 สี่สิบห้าปีมาแล้ว ไฟหน้ากลมสวย หน้าปัทว์เหมือนเค้กที่ถูกตัดแบ่งเป็นชิ้นๆ ทุกอย่างก็เข้ากันดีกับชื่อของมัน แต่เรื่องเทคโนโลีแล้วกลับทันสมัยเสียนี่ ความจริงรุ่นใหม่นี้ถ้าคงความเป็นหน้าปัทว์เก่าๆ พร้อมเข็มน่าจะดีกว่าเยอะ แต่ก็อย่างว่าแหละ คนออกแบบ Vespa คงอยากใส่ความทันสมัยลงไปบ้างเลยออกมาเป็นแบบนี้

แต่กลับกลายเป็นว่าเบรกหลักเป็นแบบดรัม ซึ่งทาง Vespa แจ้งว่าเบรกแบบ ABS คงจะออกวางตลาดอีกไม่นาน แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ แต่เบรกหลังมันแบบดรัมมันจะเบรกล้อหลังไว้ได้ดี น่าจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่เวสป้าไม่ทำเบรก ABS ออกมาเลยในทันที

เป็นเรื่องน่าฉงนว่าทำไมเบรกหลังจึงยังเป็นแบบดรัม แต่จากที่ได้ลองทดสอบขับขี่ไปหลายรอบ ก็พบว่าเบรกหลังแบบดรัมนี้ก็ทำงานได้ปกติดี แต่ด้วยความรู้สีกที่เราคุ้นเคยกับดิสก์เบรกมานานเลยทำให้เวลาไปขับเวสป้าคันนี้แล้วเหมือนขับรถรุ่นเก่ายังไงก็ไม่รู้ ความรู้สึกถึงแรงเบรกเหมือนฟิลลิ่งจะหายไป แต่ความจริงแล้วเบรกก็คือเบรก ก็ทำงานได้ดีอยู่เสมอ เบรกหน้าแบบดิสก์แน่นอนว่าจับเบรกได้แม่นยำ หรือว่าแค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับมอเตอร์ไซค์แนวสกู๊ตเตอร์คันนี้

2014 Vespa Primavera

แต่สิ่งใหม่ที่ทางทีมงาน Vespa เหมือนจะภูมิใจมากก็คงเป็นเรื่องระบบกันสะเทือนใหม่ ซึ่งก็สมควรแล้ว ปกติแล้วมอเตอร์ไซค์ส่วนใหญ่จะมีจุดหมุนเดียวอยู่บนแกนเดียว แต่สวิงอาร์มของ Primavera ซึ่งมีก็คือเครื่องยนต์นั้นจะมีสองแกน และมีสองจุดหมุน โดยส่วนหน้าจะเป็นสไตล์ปกติของ Vespa ที่มีก้านยื่นออกมา แต่จะมีส่วนเพิ่มเติมที่ติดตั้งโช้คเข้าไปอีก เลยทำให้ทาง Vespa อ้างว่าจะลดแรงเร่งที่ส่งมายังเบาะนั่งลงไป 40%

ผมก็ไม่รู้หรอกว่าตัวเลขนั้นหมายถึงอะไร แต่บอกได้เพียงว่ามอเตอร์ไซค์คันนี้ขับแล้วนุ่มนวลมากสำหรับสกูีตเตอร์ขนาดนี้ ผมเคยเป็นเจ้าของ Vespa PX200 เป็นรุ่นสุดท้ายที่เบรกหน้ายังเป็นแบบดรัมและกันสะเทือนหน้าที่แสนจะโหด ผมมักจะต้องตั้งท่าเตรียมรับมือเต็มที่ทุกครั้งที่เห็นลูกระนาดด้านหน้า ยิ่งถนนใน Barcelona นั้นคุณภาพดีกว่าถนนในอังกฤษเยอะ อาจจะเป็นเพราะมีรถแนวสกูีตเตอร์วิ่งอยู่เยอะก็เป็นได้ แต่ด้วยมอเตอร์ไซค์ Primavera คันนี้ ทุกอย่างกลับดูราบเรียบนุ่มนวลไปหมด

Vespa Primavera นั่งสบายไม่มีคำว่าเมื่อย

เบาะนั่งก็หนาดี แคบสุดตรงส่วนหน้า และถูกชดเชยด้วยความหนาแทน ดังนั้นหากขับไปซักชั่วโมงแล้วอยากจะย้ายตำแหน่งก้นคุณ คุณก็แค่เลื่อนตำแหน่งที่นั่งไปด้านหน้าก็ยังนั่งสบายเหมือนเดิม ผมลองขับอยู่ 3 ชั่วโมงในใจกลางเมือง Barcelona บนถนนที่การจราจรคับคั่ง วิ่งกันด้วยความเร็ว เมื่อลงจากรถก็ยังรู้สึกว่ายังขับต่ออีกซัก 3 ชั่วโมงได้อย่างสบายๆ จำไม่ได้แล้วว่าล่าสุดเคยขับมอเตอร์ไซค์คันไหนที่นั่งสบายแบบนี้ ความจริงแล้วคงขับคันนี้ได้ทั้งวันเลยละครับ

มอเตอร์ไซค์ Primavera นั้นจะมีเครื่องยนต์ของ LX แบบระบายความร้อนด้วยอากาศ สูบเดี่ยว วาล์ว 3 วาล์ว พร้อมขนาดกระบอกสูบและช่วงชักใหม่ พร้อมระบบลดแรงเสียดทาน ซึ่งทาง Vespa กล่าวว่าลดการสิ้นเปลืองน้ำมันได้มาก และเพิ่มเรื่องแรงบิดและอัตราเร่งได้ดี เจ้า Primavera 125 นั้นผมลองทดสอบดูโดยไม่ถึงกับว่าเป้ะนะครับ ผมนับในใจได้ราว 6 วินาทีในการทำความเร็วจาก 0 ไปจนถึง 50 กม/ชม และอีก 5 วินาทีระหว่าง 50 ถึง 65 กม/ชม และอีก 9 วินาทีจาก 65 ถึง 80 กม/ชม นั่นแสดงว่าเร่งจาก 0 ไปถึง 80 กม/ชม ในเวลา 20 วินาทีด้วยกัน ผมวิ่งจนสุดถนนซะก่อนที่จะได้ลองความเร็วที่สูงกว่านี้ หากคุณคุ้นเคยกับมอเตอร์ไซค์แล้วละก็ ความรู้สึกเหมือนคุณต้องจองโต้ะล่วงหน้าเวลาทำการแซง แม้ที่ความเร็ว 50 กม/ชม แต่หากบิดคันเร่งออกตัวเมื่อได้ไฟเขียวแล้วละก็ Primavera ก็เหมือนจะเร็วสูสีกับมอเตอร์ไซค์ 125 คันอื่นๆ

และการทำความเร็วต่อเนื่องก็ทำได้นี จากการขับขี่ในเมือง ผมคิดว่าความเร็วสูงสุดน่าจะอยู่ที่ 104 กม/ชม แต่บนถนนวงแหวนผมทำได้ถึง 112 กม/ชม เลยทีเดียว คิดว่าน่าจะทำความเร็วสูงกว่านี้ได้อีกหากเจอถนนโล่งๆกว่านี้

แรงม้าของ Primavera 125 นั้นอยู่ที่ 10.7 hp และจะสามารถทำได้ 180 ไมล์ต่อแกลลอน ส่วนรุ่น 150cc นั้นจะให้แรงม้าที่ 12.9 hp และออกตัวได้เร็วกว่า แต่การแซงก็ยังเหมือนใช้เวลาชั่วนิรันด์กว่าจะแซงได้หากคุณคุ้นเคยกับมอเตอร์ไซค์คันใหญ่มาก่อน

มอเตอร์ไซค์ทั้งสองรุ่นให้ความรู้สึกมั่นคงดี มีอยู่ครั้งหรือสองครั้งที่รู้่สึกว่าล้อหลังจะไถลไปด้านข้าง อาจจะเป็นเพราะถนนลื่นเล็กน้อย แม้แรงม้าจะแค่หลักสิบและผมก็ไม่ได้เหวี่ยงตัวเองแต่ประการใด ผมก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะระบบกันสะเทือนแกนคู่หรือเพราะว่าเครื่องยนต์ไปติดตั้งอยู่บนสวิงอาร์มกันแน แต่ก็ระสึกฉงนไปบ้าง

2014 Vespa Primavera

บนมอเตอร์ไซค์สกู๊ตเตอร์แบบนี้ผมก็ไม่มั่นใจเรื่องที่ว่าซักเท่าไหร่ คงไม่มีใครอยากจะซื้อมอเตอร์ไซค์แบบนี้แล้วไปขับเข้าโค้งเอาหัวเข่าครูดพื้นหรอกนะครับ ความพิเศษของ Primavera คงอยู่ที่การขับระยะทางสั้นๆ และดูดีเมื่อขับขี่อยู่บนรถ และที่คุณคาดหวังได้จากมอเตอร์ไซค์สกู๊ตเตอร์คันเล็กคือมันสามารถขับลัดเลาะไปตามการจราจรที่ติดขัดได้ดี ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมชอบมากในการขับมอเตอร์ไซค์ ไม่ใช่ว่าจะอย่างโน้นอย่างนี้นะครับ แต่การขับมอเตอร์ไซค์ให้ไหลไปเรื่อยๆ ท่ามกลางการจราจรที่ติดขัดนั้นถือว่าเป็นเรื่องสนุกทีเดียวสำหรับผม ผมพยายามจะไม่หยุดรถและเอาเท้าแต่พื้นแม้แต่วินาทีเดียว พยายามจะให้มอเตอร์ไซค์ไหลไปเรื่อยๆ ก็ถือว่าสนุกดี

มอเตอร์ไซค์ Primavera คันนี้ถือว่าดีเหมือนๆกับหลายๆคันที่ผมเคยขับมา ทาง Vespa ได้ทำที่วางเท้าให้แคบลงกว่าเดิมจากรุ่น LX ดังนั้นในบางครั้งผมก็สามารถเอาเท้าลงแตะพื้นได้อย่างเร็วเมื่อขี้เกียจเล่นเกมไหลที่ผมชอบทำ

ทาง Vespa กล่าวว่าเขาเป็นผู้ผลิตรายเดียวในปีนี้ที่ทำมอเตอร์ไซค์แนว scooter ด้วยเหล็กทั้งคัน มอเตอร์ไซค์ Primavera คันนี้ยังคงความเป็น Vespa ดัั้งเดิมโดยโครงแบบแผ่นเหล็กโมโนค๊อก แต่หากเป็นรุ่นที่ไม่ใช่ดั้งเดิมก็จะมีชิ้นส่วนพลาสติคอยู่เยอะเหมือนกัน อย่างบังโคลนหน้า ช่องใส่ถุงมือ แผ่นพื้นที่วางเท้าต่างก็เป็นพลาสติค หากเป็นรุ่น PX ก็จะเป็นเหล็ก ผมคิดว่าทาง Vespa นั้นทำสไตล์ได้ถูกต้องแล้วทำให้มอเตอร์ไซค์ Primavera รักษาความเป็นดั้งเดิมไว้และยังเพิ่มความทันสมัยเข้าไปด้วย แต่ผมว่าคุณต้องตัดสินใจเอาเองว่าใช่หรือเปล่า

สวิสท์ต่างๆบนแฮนด์นั้นดูเหมือนเป็นของถูกๆไปหน่อย แต่ที่เหลือถือว่าเยี่ยมยอด ทุกอย่างทำตามหน้าที่ๆมันควรจะเป็น ปุ่มที่อยู่เหนือช่องเก็บถุงมือจะเปิดเบาะให้เห็นช่องเก็บสัมภาระที่กว้างขวางพอที่จะใส่หมวกกันน้อคได้ กดกุญแจลงกล่องใส่ถุงมือก็จะเปิดออกได้พื้นที่ไว้เก็บ อืม.. ถุงมือละมั้ง

สองข้างของตัวถังก็จะมีฝาปิดพลาสติคที่ซึ่งด้านในจะเป็นหัวน้อตไว้ยึดเครื่อง ผมลองถอดฝาที่ว่านี้ออกมาดูและพบว่ามีสกรูขนาด 1 นิ้ววางอยู่เฉยๆด้านในไม่ได้ยึดกับอะไร คิดว่าต้องถาม Vespa ดูแล้วว่าเอาไว้ทำอะไร

ราคาของ Primavera 125 นั้นอยู่ที่ 3,299 ปอนด์ หรือราว 165,000 บาท ส่วนรุ่น 150 นั้นรับนำเข้าอังกฤษตามคำสั่งซื้อเท่านั้นก็ราคาเดียวกัน ซึ่งลองเทียบราคาในอังกฤษดูแล้วจะแพงกว่า PCX125 อยู่ 700 ปอนด์ หรือราว 35,000 บาท และแพงกว่า Honda PS125i อยู่ 449 ปอนด์หรือ 22,000 บาท ซึ่งก็คุณภาพใกล้เคียงกับ Vespa แต่หากเทียบกันแล้วเวลาใครๆ มองมอเตอร์ไซคแนว สกู๊ตเตอร์แล้วละก็ อาจจะชื่นชอบกับ Vespa มากกว่าหากราคาใกล้เคียงกัน หรือว่าคุณจะเห็นเป็นอย่างอื่น

ads2

Advertisment

19,651 views