ล่าสุด

รีวิว มอไซค์ 2013 Yamaha YZF-R6

2013-yamaha-yzf-r6-sports-bike

รีวิวมอเตอร์ไซค์ Yamaha YZF-R6 รุ่นปี 2013

นับเป็นปีที่ 6 แล้วนะครับสำหรับดีไซน์รูปแบบเดิมของ Yamaha YZF-R6 คันนี้ และยังมีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ว่ารุ่นปี 2014 ก็จะยังวางขาย R6 รูปแบบเดิมกันอีกต่อไป R6 นั้นเคยได้ชื่อว่าล้ำหน้าคู่แข่งในเรื่องระบบ YCC-I (Yamaha Chip Controlled Intake) และระบบขับด้วยสายสัญญาณ (ride-by-wire) ที่ส่งสัญญาณจากมือบิดผ่าน ECU ก่อนจะส่งคำสั่งไปยังหัวฉีดน้ำมันอีกที แต่นั่นก็คือปี 2008 โน่นนะครับ ตอนนี้ค่ายอื่นๆก็มีให้เห็นกันทั่วไปแล้วสำหรับระบบนี้

ถึงเวลานี้ Yahama ก็ต้องเผชิญกับความท้าทายจากคู่แข่งที่หนักหน่วงขึ้น จากการทดสอบในสนามแข่งก่อนหน้านี้ของเราพบว่า R-6 นั้นอยู่ลำดับสาม แต่เมื่อมาทดสอบบนถนนทั่วไปเมื่อปี 2011 พบว่า R6 คันนี้อยู่อันดับสุดท้ายของผลการทดสอบ

ในแง่ของพละกำลังแล้ว Yamaha R6 ได้แสดงให้เห็นว่าไม่น้อยหน้าใคร เครื่องยนต์ขนาด 599cc สี่สูบเรียงให้แรงม้าสูงสุดที่ 106.93 แรงม้า ซึ่งถือว่าสูงสุดในบรรดาเครื่อง 600cc ด้วยกัน แต่ Yamaha นั้นมีปัญหาในเรื่องแรงบิดที่ค่าต่ำสุดวัดได้เพียง 44.39 ปอนด์-ฟุต เท่านั้น

มอไซค์ Yamaha คันนี้จะปลดปล่อยพลังออกมาดีในช่วงปลายด้วยระบบ variable length intake การเสริมประสิทธิภาพช่วงปลายนั้นแสดงว่าอย่างน้อยมอเตอร์ไซค์คันนี้เหมาะสำหรับการขับขี่บนท้องถนนทั่วไป มากกว่ามอเตอร์ไซค์ในกลุ่ม 600cc ที่ทำงานแบบให้แรงบิดคงที่ของคู่แข่ง แต่ก็ยังมีจุดให้ติติงเล็กน้อย หากทาง Yamaha พัฒนาเครื่องของ R6 ใหม่เพื่อให้แรงบิดออกมาในช่วงต้นเพียงพอแล้วละก็อะไรก็จะดีกว่านี้ เพราะตอนนี้เห็นได้ชัดว่าแรงบิดช่วงต้นยังไม่ดีพอ น่าเสียดายที่ต้องเสียคะแนนส่วนนี้ไป

คนขับทดสอบรถให้เราบอกว่า “R6 ยังต้องการรอบเครื่องช่วงต้นมากกว่านี้ แต่เมื่อเข็มรอบแตะเลข 10,000 เมื่อไหร่นั่นและวิ่งฉิวเลย ผมก็ยังชอบการทำงานของเครื่องยนต์ที่เสียงคำรามเหมือนรถแข่ง เสียงโหยหวน สั่นเล็กน้อย ทำให้ประสพการณ์ในการขับขี่สั้นสุดยอดเลยทีเดียวสำหรับการขับขี่บนท้องถนนทั่วไป”

แม้เสียงคำรามนั้นจะเร้าใจแต่เท่าที่ดูแล้วเสียงของเครื่องสี่สูบเรียงอย่าง R6 นี้ก็ไม่ได้ต่างจากคันอื่นๆในแบบนี้เดียวกันนี้ เว้นแต่ก็เครื่อง R1 เท่านั้นที่เสียงจะต่างออกไป มอเตอร์ไซค์ญี่ปุ่นมักจะให้เสียงเหมือนๆกันเมื่อเทียบกับรถมอไซค์ค่ายยุโรปอย่าง Triple และ Twin

ระบบเกียร์ 6 เกียร์พร้อมคลัชแบบสลิปเปอร์นั้นไม่ได้มีปัญหาอะไรมากมาย ก็เหมือนๆกับรถมอเตอร์ไซค์ของญี่ปุ่นทั่วๆไป คลัชแบบนี้ถือว่านำสมัยมากเมื่อครั้งกระโน้น (ปี 2008) และตอนนี้ก็ยังถือว่าเป็นระบบที่ได้รับการ calibrate ได้ดีที่สุดจนถึงทุกวันนี้

ไม่ว่าจะเร่งพลังออกมามากแค่ไหน ระบบคลัชก็ยังทำงานได้ลื่นไหลไม่ว่าจะเบรกหรือเปลี่ยนเกียร์ลง ซึ่งไม่มีผลต่อพฤติกรรมของรถแต่อย่างใด ทุกอย่างเหมือนจะทำงานได้ดีกว่าในภาวะ “race” อันเป็นภาวะที่มอเตอร์ไซค์คันนี้ทำงานได้ดี ด้วยความสูงเบาะที่ 33.5 นิ้วนั้นถือว่าสูง ดันให้คนขับไปข้างหน้าเป็นท่านั่งของรถแข่ง การขับในท่านี้สำหรับถนนทั่วไปเลยรู้สึกไม่ค่อยผ่อนคลายเหมือน Suzuki Honda หรือ Kawasaki ถังน้ำมันที่กว้างและเบาะที่กระชับเลยทำให้เสียคะแนนเรื่องความสบายไป แม้ท่านั่งอาจจะดูไม่เหมาะสำหรับการขับรถเดินทางทั่วไป แต่เมื่อถึงจุดที่ต้องการแสดงพลัง Yamaha คันนี้ก็ถือว่าพร้อมเสมอที่จะตอบสนองความต้องการนั้น

คนขับทดสอบของเรายอมรับว่า “แน่นอนว่าเบาะนั่งนั้นสูงไปหน่อยและท่านั่งนั้นเหมือนจะจำกัดไปหน่อยสำหรับคนตัวสูง แต่โดยรวมแล้วถือว่า Yamaha ทำได้ดี ทุกอย่างลงตัวและขับได้สนุกและลื่นไหล จะเหมือนรถ Suzuki ที่ระบบกันสะเทือนนั้นสมดุลย์กันดีระหว่างความสบายและการเป็นรถสปอร์ท ในมุมมองผมคิดว่า R6 นั้นออกจะเป็นแนวสปอร์ทซะมากกว่า ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง”

บรรดานักทดสอบมอเตอร์ไซค์อาจจะบรรยายรถมอไซค์ Honda, Suzuki และ Kawasaki นั้นขับขี่ง่ายจนเป็นเหมือนคำพูดติดปากไปแล้ว สำหรับ Yamaha แล้วต้องการความแม่นยำและคนที่ชำนาญกว่านั้น คนขับที่สุดระห่ำ หลังจากได้ทดลองขับแล้วบอกเราว่า “เป็นมอไซค์ที่สุดยอดคันนึง น้ำหนักเบา แต่เมื่อขึ้นคร่อมครั้งแรกจะรู้สึกว่า แฟรริ่งนั้นแสนจะกว้าง เลยดูเหมือนมอเตอร์ไซค์จะใหญ่และหนัก คุณอาจจะต้องปรับระบบกันสะเทือนให้เข้ากับตัวตุณหากจะขับให้มันส์”

หากชอบการขับขี่ที่แหลมคมแล้วละก็ Yamaha คันนี้มาพร้อมกับระบบกันสะเทือนหน้าหลังที่ปรับได้สี่ระดับด้วยกันคือ preload, rebound , high/low speed compression นักบิดของเราคนนึงไม่ได้ปรับแต่งอะไรเขาเคยขับ R1 มาก่อน พอมาลอง R6 เขาก็บอกว่า “ทุกครั้งที่ผมชลอรถ ส่วนหน้าเหมือนจะดิ่งลงคล้ายกับว่าผมไปกำเบรกหน้ามากไป ทำให้รู้สึกตกใจกับการเข้าโค้งทุกที แถมบอกไม่ได้อีกว่าล้อหลังเกาะถนนได้ดีหรือเปล่า ขับแล้วรู้สึกขาดความมั่นใจไปเลย ”

ส่วนอีกคนบอกเราว่า “ไม่มีปัญหาเรื่องเบรก การตอบสนองของเบรกนั้นดีใช้ได้ ยังมีพื้นที่เหลือให้เล่นกับเบรกได้อีกเยอะ” ผลการทดสอบเบรกของเรามีผิดพลาดเรื่องการตั้งค่า GPS เล็กน้อยเลยทำให้การทดสอบการเบรกจากความเร็ว 60 เหลือ 0 นั้นใช้ไม่ได้ แต่ผลการทดสอบเมื่อปี 2011 นั้นถือว่าใช้ได้ ต่างกันแค่ไม่กี่ฟุตระหว่างรถต่างๆที่เรานำมาทดสอบ

อาจจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ค่อยยุติธรรมเท่าไหร่ การทดสอบขาเร่งจาก 0 ไป 60 นั้นตามหลัง Honda และ Ducati เพียงเล็กน้อยและชนะแค่เช้า MV Agusta เท่านั้น สำหรับการทดสอบ quarter-mile ก็ชนะ MV Agusta Ducati และ GSX-R600

อีกอย่างที่ควรกล่าวถึงคือรูปร่างหน้าตา ในกลุ่มรถญี่ปุ่นด้วยกันแล้ว Yamaha ถือว่าหน้าตาต่างจากพวก ด้วยแฟรริ่งที่ใหญ่และกว้าง บางคนอาจจะบอกว่าเส้นสายของ R6 นั้นดูเป็นยุคเก่าไปหน่อย แต่หลายๆคนมองว่ายังดูออกเป็นแนวรถแข่งอยู่ดี แม้อาจจะไม่โดดเด่นเหมือนรถอิตาเลี่ยน F3 ก็ตาม

แม้คะแนนโดยรวมถือว่ารั้งท้ายสำหรับ R6 แต่ก็เป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่น่าเกรงขามคันหนึ่งที่มีคุณสมบัติต่างๆให้จัดอยู่ในกลุ่ม Supersport ได้ แต่หากมาขับบนถนนแล้วอาจจะทำแต้มได้ไม่ค่อยดีเมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่นๆในระดับเดียวกัน แต่ก็ถือว่า Yamaha R6 คันนี้ราคาไม่แพงคุ้มค่าเงินที่สุด

บทสรุปจากคนทดสอบ

“มอเตอร์ไซค์คันนี้ควรจะปรับปรุงในเรื่องของการขับขี่ และเครื่องยนต์ที่อเนกประสงค์กว่านี้หากจะไล่ให้ทันมอเตอร์ไซค์ร่วมสมัยอย่าง Kawasaki และ Triumph ผมรู้สึกตื่นเต้นที่จะเห็น Yamaha จะออกรุ่นใหม่มาแทน R6 ไม่ใช่ว่า Yamaha YZF-R6 นั้นจะไม่ดี แต่เหมือนจะอยู่มายาวนานเกินไปเมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่นๆในกลุ่มเดียวกัน”

ปี 2014 จะยังเห็น r6 วางขายอยู่ ก็ต้องรอลุ้นต่อนะครับว่า 2015 จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือไม่

เรียบเรียงจาก motorcycle-usa.com

ads2

Advertisment

44,323 views