ล่าสุด

2013 Ducati Hypermotard SP รีวิวมอเตอร์ไซค์

Ducati Hypermotard SP

Ducati Hypermotard SP

2013 Ducati Hypermotard SP รีวิวมอเตอร์ไซค์

Hypermotard เปิดตัวออกมาว่าเป็นสุดยอดของทุกๆอย่างของความเป็นมอเตอร์ไซค์ เรามาดูกันนะครับว่าผลจะเป็นอย่างไร

ผมชอบมากเวลาบริษัทผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์เปิดตัวรุ่น R เพราะสำหรับผมแล้วมันเหมือนกับเป็นการแสดงว่าเรารู้ว่าจะต้องทำอย่างไร เพราะสิ่งเหล่านั้นอย่างเป็นตัวดึงดูดให้เราเหล่านักบิดหลงไหลมอเตอร์ไซค์กันอย่างโงหัวไม่ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความสวยงาม ความรู้หรา ความสุดโต่ง ความเป็นเอกลักษณ์ ที่รวมๆแล้วสร้างความประทับใจให้กับแฟนๆชาวมอเตอร์ไซค์กันตลอดมา

ในส่วนของ Hypermotard แล้วละก็หากต้องการแต่งเติมความเป็นสุดยอดมอเตอร์ไซค์ หรือสร้างความรู้สึกเป็นปัจเจกชนแล้วละก็ Hypermotard SP ก็คงเป็นอีกคำตอบหนึ่งที่นักบิดทุกคนแสวงหา

ทาง Ducati ได้เปิดตัวมอเตอร์ไซค์ขนาด 821cc รุ่น Hypermotard และ Hypermotard SP เมื่อหลายเดือนมาแล้ว แต่เรายังไม่มีโอกาสได้ขับเจ้าตัว SP ซักที ตอนนั้นเราได้ลองวิ่งเพียง 1 รอบปรากฏว่าทาง Ducati บอกว่าสภาพถนนเปียกลื่นเกินไป เราก็หัวเสียอย่างแรงพยายามจะสอบถามว่าทำไม ยังไง ก็ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน หรือเขากลัวรถเขาพังก็ไม่รู้ ก็เลยต้องรอมาถึงตอนนี้ถึงได้ลองขับจริงๆ จังๆ เสียทีกับเจ้าตัว SP คันนี้

Hypermotard SP มาพร้อมกับตะเกียบหน้า Marzocchi ขนาด 50 มม หัวกลับแบบปรับค่าได้ พร้อมโช้ค Ohlins แบบปรับค่าได้ ล้ออลูมิเนียมของ Marchesini พร้อมอุปกรณ์ตกแต่งแบบคาร์บอนไฟเบอร์อีกเล็กน้อย มอเตอร์ไซค์รุ่น SP คันนี้มาพร้อมกับระบบความปลอดภัยของ Ducati คือเบรก ABS และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และมียางที่เน้นเรื่องการยึดเกาะถนนอย่าง Supercorsa SP โหมดการขับขี่ก็มีอยู่สามโหมดด้วยกันคือ Race Sport และ Wet ส่วน Hypermotard ธรรมดาจะมีโหมดการขับขี่เป็น Sport Touring และ Urban

อย่างไรก็ตามทั้งสองรุ่นก็ใช้เครื่องยนต์เหมือนกัน โดยให้แรงม้าออกมาที่ 110 bhp และแรงบิดที่ 65.8 ปอนด์ฟุต แต่จากการทดสอบด้วยเครื่อง Dyno พบว่าตัวเลขจะอยู่ที่ 95 bhp และแรงบิดที่ 58 ปอนด์ฟุต

เบาะนั่งของ SP นั้นสูง 890 มม ซึ่งสูงกว่ารุ่นมาตรฐานอยู่ 20 มม ด้วยกัน ทำให้คนตัวเตี้ยอย่างผมต้องถึงกับแหย่งเท่้ากันเลยในการที่จะประคองรถหนัก 194 กิโลกรัมคันนี้ เลยรู้สึกเห็นใจคนตัวเตี้ยเป็นอย่างมากหากตั้งมาขับมอเตอร์ไซค์เบาะสูงๆขนาดนี้

แต่จะว่าไปแล้วเบาะนั่งก็นั่งสบาย สบายกว่าที่เห็นมาก ลองขึ้นคร่อมแล้วเราอาจจะไม่เห็นอะไรที่เป็นตัวมอเตอร์ไซค์มาก ที่ความรู้สึกนั้นใช่เลย คันบังคับนั้นกว้าง เบาะสูง ทุกอย่างดูเข้าที่ พร้อมที่จะทะยานไปข้างหน้าเหมือนลงสนามแข่ง แต่น้ำหนักรถซิเหมือนจะดูหนักไปนิด หนักกว่าที่ประเมิณจากรูปลักษณ์ภายนอกเยอะ

ลองขับที่โหมด Race แล้วจะพบว่าเหมือนกับสั่งงานคันเร่งด้วยสวิทส์เปิดปิดยังงั้น ต้องใช้เวลานิดนึงกว่าจะชิน หากขับช้าๆละก็ลำบากแน่ๆ ข้าววงเวียนแต่ละทีจะออกแนวกระตุกๆ แต่หากวิ่งด้วยความเร็วแล้วละก็จะดีขึ้นมาก คุณอาจจะงงงวยกับโหมดนี้หากขับบนท้องถนนทั่วไป เพราะคุณอาจจะสงสัยว่าคันเร่งมันไม่ทำงานหรือไร เพราะทุกอย่างที่คุณส่งคำสั่งไปทางคันบิดจะถูกขยายตวามไปอย่างมาก ถ้าลองปรับกลับมาเป็น Sport โหมดแล้วถึงจะรู้ว่าเรายังคุมเครื่องได้อยู่

พอลองมาขับในโหมด Sport ทำให้เราสามารถจดจ่อกับการขับรถได้มากขึ้น แม้มอเตอร์ไซค์คันนี้จะให้ความรู้สึกแน่นๆดี แต่เราก็สามารถปรับค่ากันสะเทือนให้เหมาะสมกับความต้องการได้อยู่แล้ว มอเตอร์ไซค์ SP คันนี้คงเป็นคันที่หากผมออกรถมาจากศูนย์เมื่อไหร่ก็คงต้องวิ่งหาช่างให้ปรับค่ากันสะเทือนทันที เพราะหากคุณซื้อ SP แล้วยังคงค่ากันสะเทือนเดิมๆไว้ ผมว่าไปซื้อรุ่นธรรมดาดีกว่าเพราะคุณอาจจะพลาดอะไรมันส์ไปเยอะเลย

ทั้งนี้เพราะค่ามาตรฐานของระบบกันสะเทือนนั้น ให้ความรู้สึกของสภาพถนนมากเกินไป รู้สึกได้ถึงทุกหลุมบ่อและเม็ดกรวด เป็นการตอบสนองที่มากเกินไป ซึ่งหลายอย่างๆแทบจะไม่อยากจะรับรู้เลย

แม้ว่ารุ่นนี้จะขาดแฟร์ริ่งไป แต่คุณสามารถขับที่ความเร็วราวๆ 130 กม/ชม ได้สบายๆ ผมลองขับรถไปได้ 80 กิโลเมตร ผลการกินน้ำมันคือ 43 ไมล์ต่อแกลลอน ถามว่าตัวเลขดีไหม ก็ต้องตอบว่าไม่เลย

มอไซค์ Hypermotard มักจะเป็นอย่างนี้แหละ ถ้าเอาไปขับแค่ 10 หรือ 20 นาที แล้วจอด คุณอาจจะไม่อยากจะกลับมาขับมันอีก แต่หากคุณยิ่งขับมากขึ้น คุณก็จะรู้สึกสบายขึ้นกับท่าขับที่แปลกประหลาดแบบนี้ และจะคุ้นเคยกับพลังและวิธีการในบังคับรถคันนี้ได้มากขึ้น น้ำหนักของคุณและที่สำคัญคุณทุ่มน้ำหนักลงบริเวณไหนของรถจะเป็นสิ่งสำคัญมาก ถ่ายน้ำหนักไปด้านหน้ามากๆก็อาจจะขับได้ดี แต่ถอยมาเยอะเกินไปก็เหมือนเป็นผู้โดยสารซะนี่

ผมชอบความเป็น SP มากตรงที่ให้ความรู้สึกสดชื่น น่าลอง แต่หากลองมาขับบนท้องถนนทั่วไปแล้วพบว่า ไม่มีอะไรแตกต่างจากรุ่นธรรมดามากนัก น้ำหนักที่ต่างกัน 4 กิโลกรัมนั้นแทบไม่รู้สึกว่าต่าง แต่หากมาลองขับในสนามแข่งแล้วละก็ SP จะให้ความรู้สึกที่ดีกว่า แต่ก็นั่นแหละคุณอาจจะดูเป็นตัวตลกไปหน่อยหากซื้อรุ่น SP เพียงเพื่อจะเอามาวิ่งในสนามแข่งเพราะยังมีรุ่นอื่นๆที่ทำได้ดีกว่านี้เยอะ แต่เพราะ Hypermotard SP นั้นเป็นมอเตอร์ไซค์ Hypermotard ที่ได้รับการปรุงแต่งเพื่อเพิ่มอรรถรสในการขับขี่ให้มากขึ้น อันเป็นสิ่งที่รุ่นธรรมดาทำไม่ได้

จินตนการได้ง่ายๆ ว่า Hypermotard SP นั้นเหมือนกับเราเปิดเครื่องเสียงที่โวลลุ่มหมายเลข 11 ในขณะที่รุ่น Hypermotard ธรรมดาทำได้แค่สูงสุด 10 เท่านั้น ผมลองขับแล้วก็ต้องกลับไปขับอีกเหมือนว่าเริ่มติดกับมัน

หากคุณได้ขับ Hypermotard รุ่นธรรมดามาก่อนแล้วคิดว่ามันสุดยอดแล้วละก็ หากได้มาลองรุ่น SP รับรองได้ว่ารุ่นธรรมดานั้นชิดซ้ายไปเลย แต่ผมไม่อยากจะโกหกเลยว่าหากเป็นผม คงซื้อรุ่นธรรมดามากกว่า เพราะสิ่งที่เพิ่มขึ้นมายังไม่น่าจะเหมาะกับราคาที่เพิ่มขึ้นสักเท่าไหร่ แต่ก็ยังหลงไหลความเป็น SP อยู่เหมือนเดิม

ราคาในไทยไม่ปรากฏที่ตัวแทนจำหน่ายนะครับ แต่ราคา 2013 Ducati Hypermotard SP นั้นอยู่ที่ 11,850 ปอนด์ในอังกฤษ หรือราว 600,000 บาท

เรียบเรียงโดย mocyclover ข้อมูลจาก visordown.com

ads2

Advertisment

14,714 views