2014 Zero SR รีวิวการขับขี่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าซีโร่
2014 Zero SR รีวิวการขับขี่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า
ads1
เห็นข่าวการเปิดตัวมอเตอร์ไซค์ Zero ในไทยก็รู้สึกยินดีที่คนไทยจะได้ลองขับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าสมรรถนะแนว bigbike กันแล้ว ก็เลยขอนำรีวิวมอเตอร์ไซค์รุ่น SR ของ Zero motorcycle มาให้อ่านกันนะครับ
มีผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์น้อยรายที่จะสามารถพัฒนาแบบก้าวกระโดดได้เหมือน Zero ละครับ ตอนที่เราได้ลองขับมอไซค์รุ่นแรกเมื่อปี 2007 พบว่ามันยังรู้สึกห่ามๆ ดิบๆ และยังต้องพัฒนาอีกเยอะก่อนที่จะมีการวางจำหน่ายอย่างจริงยัง และแล้วพวกเขาก็ทำได้อย่างไม่น่าเชื่อ เรารู้สึกประทับใจมากกับ 2013 รุ่น S ที่เราได้ลองขับเมื่อปีที่แล้ว แต่ตัวนี้ที่เราได้ลองก็คือ SR ซึ่งถือว่าแรงกว่า วิ่งได้ไกลกว่า และเร็วกว่าอีกด้วย
ราคาในอเมริกาสำหรับคันนี้อยู่ที่ $19,490 หรือราวๆ 600,000 บาท ทั้งนี้รุ่น SR นั้นพัฒนาจากรุ่น S ในแง่ที่ตัวควบคุมมอเตอร์ขนาด 660 แอมป์ที่ทาง Zero อ้างว่าให้พลังมากกว่าเดิมถึง 24% (67 แรงม้าเมื่อเทียบกับ 54 แรงม้า) และให้แรงบิดมากกว่าเดิม 56% (106 เทียบกับ 68 ปอนด์ฟุต) มอเตอร์แบบแม่เหล็กถาวรและไร้แปรง มาพร้อมแม่เหล็กตัวใหม่ที่จะสามารถทนทานต่ออุณหภูมิที่สูงกว่าได้ และให้ประสิทธิภาพที่คงที่กว่าเดิม
มอเตอร์ไซค์รุ่น SR มาพร้อมแบตเตอร์รี่แบบลิเธียมไอออนขนาด 11.4 kWh โดยรถคันที่เราทดสอบได้ติดตั้งแบตเสริมขนาด 2.8 kWh เข้าไปด้วย การเสียบสายชาร์ชก็เป็นสายปลั็กธรรมดาแบบ 3 เส้น ที่เสียบกับปลั๊กตามบ้านได้เลย ชาร์ชแบตเต็มก็จะใช้เวลาเพียงราว 10 ชั่วโมงเท่านั้น
การจะลดเวลาชาร์ชให้สั้นลงนั้นอาจจะต้องลงทุนเพิ่ม โดยตัวชาร์ชเร็วจะมีราคาอยู่ที่ $600 USD หรือราวๆ 18,000 บาท เมื่อใช้ร่วมกับชุดที่อยู่ในมอเตอร์ไซค์ก็จะลดเวลาลงเหลือครึ่งนึง แต่หากต้องเร็วกว่านั้นก็จะมีระบบ CHAdeMo ซึ่งมักจะใช้กับรถยนต์ไฟฟ้า จะทำให้ลดเวลาลงเหลือแค่ชั่วโมงครึ่ง แต่ราคาอุปกรณ์ชิ้นนี้จะต้องจ่ายเพิ่มราว $1,800 USD หรือราว 54,000 บาท แต่สถานี่ชาร์ตไฟอาจจะยังหาได้ยากตามท้องถนนทั่วไป
หากรวมราคาอุปกรณ์เสริมเพื่อให้วิ่งได้ไกลสุดและชาร์ชไฟได้เร็วสุดๆแล้วละก็ ราคารวมก็จะอยู่ที่ $21,290 USD หรือราว 640,000 บาท ซึ่งเงินจำนวนนี้คุณสามารถเอาไปซื้อ BMW K1600GT หรือ Ducati Panigale สบายๆ ในราคาอเมริกา
แต่จะว่าไปแล้วเรื่องราคาคงไม่ใช่ประเด็น เราคงจะสนใจว่าประสิทธิภาพและความรู้สึกของมอเตอร์ไซค์คันนี้เป็นอย่างไรมากกว่า และแน่นอนว่าเนื่องจากเป็นมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า คุณก็จะรู้สึกว่าห่างจากปลั๊กไฟไม่ได้ แต่ด้วยชุดแบตเตอร์รี่ที่ใหญ่กว่าเดิมทำให้ Zero SR นั้นวิ่งได้ไกลและใช้งานจริงได้มากขึ้น จากการทดสอบของเราสำหรับการวิ่งในเมืองและทางหลวงพบว่าวิ่งได้ไกลสุดราว 150 กม. ดังนั้นการไปไหนมาไหนโดยไม่ต้องไปหาที่ชาร์ชนอกบ้านก็คงทำได้แค่ในรัศมีราว 75 กิโลเมตรเท่านั้น
การขับขี่ในเมืองนั้นจะพบว่า Zero SR นั้นขับสนุกและวิ่งฉิว จากไฟแดงหนึ่งไปยังอีกไฟแดงหนึ่งก็จะขับขี่ได้เหมือนมอเตอร์ไซค์ทั่วไป แถมยังชอบความเงียบของมันอีกด้วย
ทดสอบการเร่งเครื่องยนต์ในโหมด Sport ซึ่งเป็นหนึ่งในสามโหมดที่มีอยู่ (Sport, Eco, Custom) พบว่าเราเร่งจาก 0 ไป 60 ไมล์ต่อชั่วโมง ได้ในเวลา 4.3 วินาที ซึ่งก็ถือว่าช้ากว่าที่ทาง Zero กล่าวอ้างไปถึงหนึ่งวินาทีเต็มๆ แต่การทดสอบควอเตอร์ไมล์ทำได้ 13.07 วินาที ความเร็วสูงสุด 98.6 ไมล์ต่อชั่วโมง นั้นเร็วกว่ารุ่น S อยู่ 1 วินาทีเต็มจากที่เราเคยทดสอบมา
ส่วนกรณีการบิดเร่งทั่วไปก็ถือว่าทำได้ดี อย่างเช่นการบิดจากความเร็ว 64 กม/ชม (40 mph) ไปยัง 96 กม/ชม (60 mph) ใช้เวลาเพียง 1.7 วินาที และจาก 96 ไปยัง 128 กม/ชม ใช้เวลาเพียง 2.5 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 158 กม/ชม
ตัวถังก็ได้มีการพัฒนาขึ้นอย่างมาก ตะเกียบหัวกลับขนาด 43 มม และโช้คนั้นสามารถปรับค่าอัดและค่า rebound damping ได้
ตอนที่เราวิ่งออกจากถนนทั่วไปเพื่อไปหาความสนุกจากถนนสายรอง เราพบว่า SR นั้นเข้าโค้งได้คล่องตัวดี หลังจากเราปรับค่าโช้คอีกเล็กน้อย ก็พบว่าตัวถังรถคันนี้ตอบสนองได้ดีทีเดียว
สำหรับการเบรกหน้าคิดว่าคงต้องปรับปรุง เนื่องจากคาลิบเปอร์สองสูบอันเดียวนั้นแทบจะลดความเร็วของ Zero SR ลงไปไม่ได้ การเหยียบเบรกก็ให้ความรู้สึกไม่แน่นหนึบเท่าไหร่ แม้เบาะนั่งจำต่ำเหมาะสำหรับคนตัวเตี้ย แต่คิดว่าเราเองอาจจะต้องเอาโฟมรองก้นเพื่อให้รู้สึกสบายขึ้น
เมื่อก่อนถ้าคุณถามเราว่าทาง Zero จะทำมอเตอร์ไซค์ได้ใกล้เคียงกับมอเตอร์ไซค์จริงๆได้หรือไม่ เราคงจะคิดนิดนึงก่อนตอบ แต่ตอนนี้ไม่มีข้อกังวลเรื่องนั้นอีกแล้ว แต่ทาง Zero เองก็ต้องพุ่งเป้าไปในการการปรับปรุงประสิทธิภาพให้เยี่ยมยอดที่สุด และทำให้ราคาต่ำลงมาอีก มอเตอร์ไซค์ยี่ห้ออื่นๆในราคาเทียบเคียงกับ Zero SR ก็จะมาพร้อมเบรก ABS, ระบบกันสะเทือนอิเลคทรอนิคส์ ระบบนำทาง เบรกชั้นยอด ไฟหน้า LED ซึ่งยังไม่เห็นใน Zero SR คันนี้
ถ้าดูจากภาพรวมแล้วถือว่า Zero SR คันนี้แสดงให้เห็นว่ามอเตอร์ไซค์ไฟฟน้านั้นทำได้ถึงขั้นไหนแล้ว ขั้นต่อไปของ Zero ก็คงต้องทำมอเตอร์ไซค์ที่แข่งขันกันได้จริงกับมอเตอร์ไซค์คันอื่นๆ โดยไม่ต้องมีข้อแก้ตัวอีกต่อไปว่าเป็นมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า และจากที่ทาง Zero ได้แสดงให้เราเห็นกับรุ่น SR นี้ ดูแล้วคาดว่าวันนั้นคงอยู่อีกไม่ไกลละครับ
ที่มา cycleworld.com
