KTM RC 125 รีวิวการขับขี่มอเตอร์ไซค์
KTM RC 125 รีวิวการขับขี่มอเตอร์ไซค์
เมื่อตอนปี 2008 ทาง Yamaha ได้เปิดตัว YZF-R125 มันกลายเป็นมอเตอร์ไซค์แนวสปอร์ทสี่จังหวะที่น่าหลงไหลคันหนึ่ง และสุดท้ายก็ขายดิบขายดีมาก ถ้านับระยะเวลาจากที่มันถูกออกแบบจนกลายเป็นมอเตอร์ไซค์ตัวเป็นๆ ตั้งแต่ 6 ปีที่แล้ว จนถึงตอนนี้ก็สร้างยอดขายไปแล้ว 45,000 คัน จึงไม่เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจว่าทำไม KTM จึงอยากจะได้ส่วนแบ่งตลาดกับเขาด้วย
แต่คำถามคือว่า RC 125 นั้นมีอะไรใหม่ๆมานำเสนอนักบิดบ้าง หรือเป็นแค่เพียงการลอกแนวความคิดของ Yamaha ที่มาช้าไป 6 ปี แม้ว่ามอเตอร์ไซค์ทั้งสองจะมีอะไรที่คล้ายๆกัน แต่ก็มีบางอย่างที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย เรามาดูกันนะครับ
สิ่งที่โดดเด่นของ RC125 เหนือ Yamaha ก็น่าจะเป็นเบรก ABS ของ Bosch ที่มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานและล้อหลังขนาดใหญ่ 150 ส่วน ว่าไปแล้วก็ไม่ถึงกับเป็นเรื่องพิเศษอะไรที่จะเจอยางขนาดใหญ่แบบนั้นกับรถที่มีแรงม้าราวๆ 50 แรงม้า การยึดเกาะถนนจึงดีมาก และให้ภาพลักษณ์ของการเป็น Big Bike หากมองจากกระจกหลังตอนอยู่ไกลๆ อีกด้วย
อย่างไรก็ตามในงานเปิดตัวกับสื่อมวลชนที่ออสเตรียก่อนหน้านี้ ทาง Yamaha ก็ได้สื่อสารออกมาชัดเจนว่าเป้าหมายไม่ใช่การเลี่ยนแบบมอเตอร์ไซค์ Yamaha แต่เป็นการเสริมสิ่งที่มอเตอร์ไซค์รุ่นใหญ่เขามีเข้าไป
ระบบกันสะเทือนนั้นจะเป็นของ WP ทั้งสองล้อ ตะเกียบหน้าเป็นแบบหัวกลับ โช้คหลังปรับค่าพรีโหลดได้ ตะเกียบหน้าขนาด 43 มมนั้นจะมีขนาดเดียวกันกับที่คุณจะพบเจอกับมอไซค์สปอร์ทไบท์ KTM RC8 ขนาด 173 แรงม้าเลยทีเดียว
ตัวถังก็บ่งบอกถึงความแน่นของมอเตอร์ไซค์คันนี้ได้ดี จากการได้ลองขับขี่อยู่ 2 ชั่วโมงในสนามทดสอบนั้นถือได้ว่าบอกอะไรเราได้หลายๆอย่างว่าเจ้า RC ตัวนี้เป็นอย่างไร ตะเกียบหน้าไม่ถึงกับดำดิ่งเกินไปภายใต้ภาวะการเบรกแรงๆ หรือการสูญเสียความมั่นใจเวลาเจอถนนขรุขระ กลับกันมอเตอร์ไซค์คันนี้สามารถเข้าโค้งได้อย่างแม่นยำอย่างที่ควรจะเป็นสำหรับมอเตอร์ไซค์น้ำหนัก 140 กิโลกรัมคันนี้
แม้อาจจะรู้สึกผิดหวังบ้างกับยางรถที่ให้มาซึ่งเป็นของอินเดีย ยี่ห้อ MRF Revs แต่สิ่งที่ทำให้ผมประทับใจก็คือการตอบสนองของส่วนหน้าของรถ ในขณะที่ Yamaha YZF-R125 และ MT-125 รุ่นเน็คเก็ตนั้นมีโครงสร้างตัวถังที่เหมือนกัน ซึ่งแน่นอนว่าจริงๆแล้วเป็นการพยายามลดต้นทุนนั่นเอง แต่สำหรับ RC 125 แล้วจะใช้โครงสร้างตัวถังที่ต่างจากรุ่น เน็คเก็ตของมัน มุมของล้อหน้ามีการปรับแต่งให้ชันขึ้น จนทำให้มอเตอร์ไซค์คันนี้มีระยะระหว่างล้อที่สั้นลงกว่า Duke 125 การปรับแต่งเหล่านี้เป็นผลให้สามารถเลี้ยวได้เร็วและคล่องตัวขึ้น ในขณะเดียวกันก็ให้การตอบสนองกับคนขับได้ดี
แรงม้าของเครื่องยนต์อยู่ที่ 15 แรงม้าโดยให้กำลังสูงสุดที่ 9,500 รอบต่อนาที และแรงบิดที่ 8.8 ปอนด์ฟุตที่ 8,000 รอบต่อนาที การส่งกำลังนั้นลื่นไหลและเป็นเชิงเส้นตลอดช่วงจนถึงขีดแดงที่ 10,500 รอบต่อนาที พร้อม balancer shaft ที่ติดตั้งมาเพื่อลดการสั่นของเครื่องยนต์ แม้คุณจะพยายามวิ่งที่ความเร็วสูงสุดที่ราวๆ 135 กม/ชม ด้วยเกียร์ 6 ก็ตาม
ขอติเรื่องเบรก
สำหรับมอไซค์ที่เครื่องยนต์มีขนาดเล็กและขาดเรื่อง Engine Break ไปนั้นอาจจะต้องใช้เวลาเพื่อสร้างความคุ้นเคย แต่ในกรณีของมอเตอร์ไซค์คันนี้อาจจะเป็นตัวแสดงให้เห็นถึงจุดด้อยที่มอเตอร์ไซค์คันนี้มีในกระบวนการหยุดรถ แม้ว่าอุปกรณ์ในการเบรกจะประกอบไปด้วยจานเบรกขนาดใหญ่ คาลิบเปอร์สี่สูบด้านหน้าของ Bybre ซึ่งเป็นสายการผลิตย่อยของ Brembo แต่ดูเหมือนว่าระบบเบรกจะเอาไม่อยู่และไปกันไม่ได้กับส่วนอื่นๆของมอเตอร์ไซค์
การกำก้านเบรกเหมือนจะใช้ต้องกำไประยะทางหนึ่งก่อนที่จะเริ่มรู้สึกถึงการจับเบรก และเหมือนว่าจะต้องวิ่งไปซักพักก่อนอาการนี้จะหายไป จะว่าไปแล้วไม่ถึงกับเลวร้ายหรอกนะครับ เพียงแต่มันไม่ค่อยจะสอดคล้องกับประสิทธิภาพของมอเตอร์ไซค์ด้านอื่นๆ แม้จะบ่นบ้างในประเด็นนี้แต่ส่วนอื่นๆก็ถือว่ายอดเยี่ยมครับ
ในแง่พลังเบรกแล้ว Boasch ABS นั้นทำงานได้ยอดเยี่ยม คุณสามารถปิดระบบ ABS ด้วยปุ่มที่ซ่อนอยู่ แต่ความจริงแล้วไม่รู้จะไปปิดมันทำไมจริงไหมครับ บนสนามแข่งมันก็ไม่ถึงกับจะทำให้อึดอัดเหมือนหลายๆคันที่บักจะทำงานก่อนเวลาอันควร และบนถนนเปืยกลื่นก็ทำงานได้ดี เหมาะสำหรับนักบิดหน้าใหม่ที่เป็นเป้าหมายของมอเตอร์ไซค์คันนี้
แผงหน้าปัทว์อง RC 125 คันนี้นั้นเป็นแบบ multifunction LCD ที่แสดงข้อมูลพื้นฐานครบครันพร้อมๆไปกับระดับน้ำมัน แจ้งเตือนระยะเวลาเข้าศูนย์ ไปแสดงเกียร์ และไฟแสดงการเปลี่ยนเกียร์ ทุกอย่างดูกระทัดรัดแต่อัดแน่นไปด้วยข้อมูล อันเป็นการย้ำเตือนผมได้ดีว่าทำไมเครื่องยนต์เล็กๆเหล่านี้มันถึงสุดยอด นั่นเพราะมันประหยัดน้ำมันนั่นเอง จากการลองขับไปด้วยระยะทาง 130 กิโลเมตร ตามมาด้วยการลองขับบนสนามแข่งอีก 2 ชั่วโมง เข็มน้ำมันลดลงไปเพียงขีดเดียวจากทั้งหมด 9 ขีด ของถังน้ำมันที่จุ 10 ลิตร ผลคือมอไซค์คันนี้ทำได้ 70 ไมล์ต่อแกลลอนด้วยกัน
ท่านั่งขับนั้นออกแนวสปอร์ทแต่ไม่ถึงกับมาก ไม่ถึงกับต้องก้มหน้าไปหาถังน้ำมันและชันเขาขึ้นสูง แต่มันจะมาพร้อมกับแฮนด์ที่กว้างอันจะช่วยกระจายน้ำหนักตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ได้ประสบการณ์ขับขี่ที่สะดวกสบาย โดยไม่ต้องถึงกับเสียความเป็นสปอร์ทไป
ถ้าจะให้เลือกแล้วสำหรับขอเลือกเบาะที่นุ่มกว่านี้ เบาะที่สูง 820 มม นั้นไม่ถือเป็นประเด็น แต่หลังจากลองขับไปสองสามชั่วโมงผมก็เริ่มรู้สึก แต่จะว่าไปแล้วผมเองก็ตัวผอม ไม่มีไขมันเยอะเหมือนนักบิดคนอื่นๆก็เป็นได้ เบาะหลังและที่วางเท้าผู้โดยสารนั้นยึดเกาะได้ดีแต่เหมือนจะทำมาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะยางรองนั้นติดกาวมา และกระจกมองหลังที่มีไฟเลี้ยว LED ในตัวนั้นอาจจะต้องขยับแขนเล็กน้อยเพื่อที่จะมองเห็นได้ชัด
หากไม่นับข้อด้อยเหล่านั้นแล้ว ถือว่าเป็นมอเตอร์ไซค์ที่น่าสนใจคันหนึ่งที่พร้อมจะเป็นตัวเลือกให้คุณ แต่ด้วยราคาในอังกฤษที่ 4,499 ปอนด์ หรือราว 230,000 บาทนั้นอาจจะดูแพงไป การตั้งราคาขนาดนั้นสำหรับมอไซค์ 125cc นั้นถือว่าสูงเอาการ Duke 125 มอไซค์ขายดีของ KTM นั้นราคาต่ำกว่านี้อยู่ 500 ปอนด์
แต่มองภาพรวมแล้ว ทั้งประสิทธิภาพของรถ ขับสนุก และไม่เหมือนใครของมอเตอร์ไซค์คันนี้ ผมคิดว่าทาง Yamaha คงต้องจับตามองคูแข่งคันนี้อย่างใกล้ชิดละครับ
มอเตอร์ไซค์คันนี้จะออกวางตลาดในอังกฤษ ต้นเดือนกันยายนนี้
ที่มา visordown.com
ads2